สำหรับคอลัมน์ของเราในวันนี้จะพาทุกคนมาพูดคุยกับ อีกหนึ่งมือเบสรุ่นใหญ่แห่งวงการ ที่มีประสบการณ์ การเล่น การสอนมาอย่าง โชกโชน “อ.จิ๊บ วิชชุเดช” เด็กๆ ยุคนี้อาจจะคุ้นเคยกับแกในฐานะมือเบสของรายการ เจ๊คิ้มกินรอบวง แต่ในวงการดนตรี อ.จิ๊บ เรียกว่าเป็น “ตัวท๊อป” ของวงการคนนึงเลยล่ะ เอาล่ะหากใครยังไม่รู้จัก มาทำความรู้จักไปพร้อมกัน
จิ๊บ วิชชุเดช มือเบสที่ไม่ได้อยากเล่นเบส
ผมไม่ได้อยากเล่นเบส จริงๆ ผมชอบร้องเพลง ไปสมัครชมรมดนตรี แต่เขาบอกหน้าตาไม่ได้ ก็ไล่ไปเล่น เบส (หัวเราะ) ทีแรกผมนึกว่าเบสหน้าตาเหมือนคีย์บอร์ดด้วยซ้ำ (หัวเราะ) เรื่องของเรื่อง อาจารย์ที่คุมชมรมดนตรีตอนนั้นแกจบเอกเบส แล้วอาจจะกำลังหาคนพอดี ก็เลยปลุกปั้นผมซะเลย (หัวเราะ) ซึ่งผมก็เสียดายที่แกเสียไปก่อนที่จะได้เห็นผมอยู่ในจุดที่คนนับถือในเรื่องการเล่นเบส ต้องขอบคุณแกที่ปลุกปั้นผมมาเลย
การเดินทางในเส้นทางมือเบส
ผมไม่ได้มีความฝันเป็นสุดยอดมือเบส แต่ที่ผมเล่นเบสมาเรื่อยๆ เพราะมีคำถามว่า ไอ้เครื่องดนตรีที่เราเล่นเนี่ย มันจะเล่นไปสุดได้ตรงไหน ผมเริ่มเล่นจากพวกเพลง คาราบาว, นูโว, ไมโคร หรือมาช่วงผม วัยรุ่นหน่อยก็โลโซ เป็นเพลงสไตล์แบบนี้ ผมไม่ได้โตมากับสไตล์ที่ผมเล่นในปัจจุบันเลยนะ ผมจบบัญชีไม่ได้จบดนตรี ผมมาเรียนเบสเพิ่มเติม ครูพักลักจำ พอมาเรียนเบสกับ อ.แป๊ป แกก็แนะนำ Marcus Miller ให้ผมลองฟังชุด Live And More ผมแบบเบสแม่งทำแบบนี้ได้ด้วยเหรอวะ จากนั้นก็เริ่มเข้มข้นขึ้น Victor Wooten, Mark King, Flea ทุกคนที่เล่น Slap คราวนี้พอผมเริ่มเล่นดนตรี ด้วยความที่ผมไม่ได้โตมากับเพลงสากล พวก Queen, The Beatles, Bee Gees อะไรพวกนี้ผมไม่อินเลยนะ แต่ผมต้องเล่นไง ก็เลยต้องแกะ ก็เลยทำให้รู้จักเพลงสากลมากขึ้น จนไปเจอกับอีกสายนึงก็แนะนำให้ไป Charlie Parker ไปแจ๊ซเลย ผมฟังแล้วแบบแทบขว้างทิ้ง (หัวเราะ) ผมรับไม่ได้เลย แต่สุดท้ายเพราะผมอยากเล่นเก่งขึ้น ประกอบกับได้เจอพี่โก้ แซ็กแมน, พี่หนึ่ง จักรวาล ชวนมาเล่น ผมก็เลยเริ่มซึมซับจนพอฟังได้ จับทางได้ แต่ผมก็ยังไม่ได้เป็นแจ๊ซเพียวๆ นะ จะออกแบบป็อป แจ๊ซมากกว่า อาจจะบอกว่าผมเป็นมือเบสสายสมูธแจ๊ซก็ได้นะ
การฝึกฝน
ผมเน้นฝึกความคล่องตัวหนักมาก ผมไม่เน้นเล่นเร็วแต่เน้นเล่นนาน เล่นง่ายๆ เบสิกๆ ผมจะเล่นวนจนกว่าไม่ไหว ผมจะเน้นเล่นให้นานต่อเซ็ต ให้เข้าใจในสิ่งที่ง่ายๆ แล้วทำมันออกมา ผมจะไม่เล่นอะไรที่ยากๆ แล้วยัดลงไป มันไม่เป็นธรรมชาติ ดนตรีเป็นเรื่องของเสียง ถ้าเราเล่นแล้ว ไม่ได้ยินเสียงที่เล่นก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เคยเห็นคนที่เล่นเร็วๆ แต่ไม่มีน้ำหนัก ไม่มีไดนามิก ไม่มีทัชชิ่งไหม ไม่มีกรู๊ฟไหม แบบนั้นพวกเรียกว่า “เล่นไม่มีเสียง” เวลาผมฝึก สมมติฝึก Arpeggio ผมจะเล่นรูปแบบเดียว เปลี่ยนคีย์เอา จนรู้สึกว่ามันไม่ไหวแล้ว
ยังไงก็ได้ขอให้ได้เล่นเบสเต็มที่
เอาจริงๆ คือผมว่าทุกคนอยากมีชื่อเสียง ผมเองก็อยากทำวงป็อปที่มีนักร้องอยู่ แต่ก็ยังหาสมาชิกที่จะต้องมาใช้ชีวิต มาคลิกกับเรามันก็ยากอยู่ หรืออย่างที่หลายคนจำผมได้จาก Bass Room ในฐานะอาจารย์ ผมก็อยากสอนให้คนไทยได้เล่นเบสกันให้เก่งขึ้นอีก แต่ไม่ว่าจะทำงานเบื้องหน้าหรือเบื้องหลัง ผมก็อยากทำเต็มที่ในเรื่องของเบสเท่านั้นเอง
เพลงครูของ จิ๊บ วิชชุเดช
ถ้าเป็นแนวร็อค ซึ่งอันที่จริงผมไม่ถนัดนะ แต่ผมจะชอบ Another One Bites The Dust ของวง Queen เพลงนี้มันเจ๋ง มีความเป็นกรู๊ฟฟั้งก์ ดิสโก้นิดๆ กับ Sweet Child O’ Mine เพลงใช้หากิน แล้วผมว่ามัน Simple สำหรับร็อค คำว่า 8th Note เป็นเบสิกที่สำคัญที่สุด คุณต้องเล่น 8th Note ให้ใช่ คราวนี้ถ้าฟิวชั่นแจ๊ซ ก็ต้อง T-Square เพลง Bad Moon ตอนเล่นเพลงนี้เพราะอยากลองว่าเราจะไปได้ขนาดไหน ผมยังไม่เคยเล่นเพลงนี้กับแบนด์เลย อีกเพลงก็ต้อง Run For Cover ของ Marcus Miller ผมว่ามือเบสสายนี้ทุกคนต้องเล่นนะ เพลงนี้เบสเป็นพระเอกเลย มันไม่ใช่แค่เมโลดี้ มันเล่นเป็นกรู๊ฟ ผมฟังครั้งแรกแบบมันมีพลัง มีความเหนียว ความหนืด ถ้าเป็นสายฟั้งก์ผมจะชอบ Soul With A Capital S หรือ What Is Hip ของ Tower Of Power ก็ได้ มันมี Rhythm Variation เยอะ สำคัญกับการเล่นให้คม แล้วก็ถ้าเป็นฟั้งก์ร็อคก็ Red Hot Chili Peppers ได้ทุกเพลง แต่ถ้าเพลงไทยก็ต้อง “มนต์เพลงคาราบาว” เพลงนี้ทำให้ผมเล่นเบสเป็นเพลงนี้ต้องรักษาความสม่ำเสมอ หรือไม่ก็ “ผู้ทน” แต่เพลงที่ทำให้ผมอยากเล่นเบส แต่ไม่ใช่ไลน์เบสคือเพลงอะไรกันคะ ของฝันดี ฝันเด่น เพลงนี้เป็นไลน์คีย์บอร์ดทำเสียง Slap แต่ตอนเด็กๆ ผมนึกว่าเบส แล้วชอบมาก (หัวเราะ)
กับผลงานเพลงใหม่ Work From Heart
ก็ช่วง Covid เราเจอคำว่า Work From Home ตลอด ซึ่งสำหรับนักดนตรีถ้าเราทำเพลงสมัยนี้ก็จบเพลงที่บ้านได้ เราก็เอามาเล่นคำเป็น Work From Heart ผมก็ทำด้วยตัวเองเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ มันไม่ใช่อัลบั้มที่โชว์เทคนิคหวือหวา แต่ละเพลงก็มีคอนเซ็ปต์แล้วใช้เบสเล่าเรื่องมากกว่า ผมอยากให้เพลงในอัลบั้มนี้คนฟัง ฟังได้เรื่อยๆ ไม่ต้อง Skip เพลงไป เปิดรันวนได้ยาวๆ อยากให้ฟังแล้วรู้สึกว่า เฮ้ย 7 เพลงจบแล้วเหรอฟังเพลินเลย ประมาณนี้ ก็อยากให้ทุกคนได้ลองฟังกัน
Track by Track
Mr.Happy
เพลงนี้เป็นเพลงเปิดตัวออกสไตล์ฟิวชั่นสนุกๆ หน่อย สไตล์เหมือนของ Wayman Tisdale เป็นเบส เปียโนเป็นตัวหลัก ซึ่งเป็นเพลงที่ปล่อยไปช่วงคริสต์มาส ก็ให้ได้บรรยากาศของความสุขตามชื่อ
Lazy Sunday Ft. โซ่ ETC.
เพลงนี้เป็นฮิปฮอปหนึบๆ หน่อย ก็จะได้ความอนุเคราะห์จากเพื่อนโซ่ (หัวเราะ) ก็พวกไลน์ต่างๆ เราก็ไกด์ให้ก็ส่งให้โซ่อัดให้ ก็บรีฟแค่มู้ดเท่านั้นเรื่องการเล่นปล่อยเลย รู้มืออยู่แล้ว (หัวเราะ) ส่วนเบสเพลงนี้ก็ใส่เอฟเฟ็กต์ Distortion นิดๆ ผสม Auto Wah ให้มีสีสันเพิ่มขึ้นหน่อย
Into The Night
เป็นเพลงแรกที่แต่งในอัลบั้มนี้ อารมณ์เหงาๆ เงียบๆ เป็น R&B 6/8 เพลงนี้ใช้ Yamaha 6 สายอัด เป็นเพลงที่ผมชอบโซโล่ผมใช้ความรู้สึกจริงๆ เล่นไม่กี่เทค มีสเปซเยอะๆ ถ้าเปิดเครื่องเสียงดีๆ จะได้ยินเสียงไลน์ Low Bass ชัดมาก
Miller Times
ก็เป็นเพลงที่แต่งโดยได้แรงบันดาลใจจาก Marcus Miller เป็นเพลงที่แต่งมาสักพักแล้ว แต่ไม่จบ ก็เลยเกิดเป็นเพลงนี้ เพลงนี้ใช้เบสของ Marcus Miller จริงๆ มาอัด เป็น 1 ใน 11 ตัว เป็น Fender Custom Shop Marcus Miller Masterbuilt เป็นตัวที่เขาใช้เลย เพลงนี้ก็เป็นเพลงปล่อยของนั่นแหละว่าง่ายๆ
Keep Cool
เป็นเพลงฟังสบายๆ ให้ความรู้สึกแบบรู้สึกสบายไม่ได้ฟังยาก จังหวะ Shuffle แบบ Hip Hop ถ้าได้กลองจริงก็จะมีความ Laid Back กว่านี้ จริงๆ เพลงนี้ยากที่คอร์ดมากกว่า รวมๆ ก็เน้นฟิลแบบฟังสบายๆ เมโลดี้เพราะๆ
When I Missing You
เพลงนี้เป็นเพลงบรรเลงที่ไม่ใช่เบส เป็นเปียโน ให้ความรู้สึกแบบความคิดถึง จริงๆ ผมอยากให้ซาวด์เปียโนดาร์กกว่านี้นิดหน่อย อยากให้ทำให้ได้ฟิลแบบ Lo-Fi มีคอร์ดมีเมโลดี้ ให้ได้ฟิลแบบเหงาๆ หน่อย
Slow Life Ft. ฟ้า Power Pat
เพลงนี้ออกสไตล์นีโอโซล ก็เล่นกับ ฟ้า Power Pat ซึ่งก็สนิทกัน ตอนแรกอยากใช้เบสเป็นเมโลดี้ ก็จะใช้เมโลดี้เป็นเสียงกีตาร์ฟิลแบบ Chuck Loeb ฟังง่ายๆ
สามารถจับจองอัลบั้ม Jibb Wichudej ได้ที่ https://www.facebook.com/Jibbwichudej