2 หนุ่มสุดฮอตที่เป็นทั้งศิลปินและนักแสดงอย่าง “ไอซ์ พาริส” และ “เจเจ กฤษณภูมิ” หรือ Jaylerr เราได้เห็นทั้งคู่ทำงานร่วมกันทั้งในด้านการแสดง และงานด้านดนตรี เอาล่ะในมุมการแสดงเชื่อว่าหลายคนคงทราบดีอยู่แล้ว แต่ในมุมของดนตรี ทั้ง 2 คนก็มีความลึกซึ่งไม่แพ้กัน ทั้ง 2 คนมีความชื่นชอบในดนตรีอย่างมาก ในแบบที่เราอาจจะคิดกันไม่ถึง ดังนั้นเรามารู้จักพวกเค้ากันให้มากขึ้นสักหน่อยดีกว่า
Nude ผลงานร่วมกันของ 2 หนุ่ม
เจเจ : คือเราประชุมกันว่าจะทำยูนิต Jaylerr x Paris ต่อจะทำเพลงกัน ก็เลยมานั่งหาคอนเซ็ปต์ว่าจะเล่าเรื่องอะไรในเพลงดี จนไปๆ มาๆ เราทั้ง 2 คนจะ Relate กันเรื่องนึงคือเวลาที่เราอยู่กับคนที่เราสบายใจ ด้วยแล้วเราสามารถเป็นตัวเองได้เต็มที่ ไม่มีมาด ไม่มีการวางตัว เหมือนเราสามารถทำอะไรบ้าๆ บอๆ ได้โดยที่เราไม่ได้อายคนๆ นั้น
ไอซ์ : จนมันรู้สึกแบบมัน Nude มาก เหมือนไม่ต้องระวังอะไรเลยเหมือนแก้ผ้าทางใจกับเขาได้เลย อะไรประมาณนี้
เจเจ : คือถ้าแบบไม่ทางการก็คือเราสบายใจจนแก้ผ้าได้เลย เนื้อเพลงข้างในมันก็จะ 2 แง่ 3 ง่ามหน่อยๆ แต่ด้วยสไตล์เพลง แล้วก็มู้ดแอนด์โทนที่เราสื่อสาร ในเพลงก็จะทำให้เพลงมันดูซอฟต์ลง
ไอซ์ : พอสไตล์เพลงเป็นแบบดิสโก้ฟั้งก์มันก็จะฟังน่ารักสนุกๆ แต่ถ้าฟังเนื้อหาก็อาจจะแบบ เอ้ออ นิดนึง (หัวเราะ)
การทำงานในเพลงนี้ยากง่ายขนาดไหน
เจเจ : ในพาร์ทร้อง ก็จะเป็นไอซ์เกือบทั้งหมด ส่วนของผมก็จะเป็นท่อนแร็ปไป
ไอซ์ : มันก็แบ่งกันไม่ยากครับ เพราะเราก็ทำงานด้วยกันมานาน ก็เลยพอจะรู้ทางกันอยู่แล้ว ก็จะตรงกับสิ่งที่เราสองคนถนัด พอเราได้คอนเซ็ปต์เราค่อยไปขึ้นเพลง ตอนขึ้นพาร์ทดนตรีจะเป็นพี่โฟร์ 25 hours เป็นคนทำ
เจเจ : แล้วก็จะได้พี่หนึ่ง ETC. มาช่วยอะเรนจ์ ส่วนเนื้อเพลงดราฟท์แรก จะเป็นพี่เจ เจตมนต์ (เจ Penguin Villa) แล้วผมกับไอซ์ก็จะดูเรื่องภาพโดยรวม ของเนื้อเพลง แร็ปก็จะเป็นตัวผมทำเลย
ไอซ์ : ตัวเนื้อเพลงก็มีแก้พอสมควรให้มันเข้าปากเรา เป็นเราที่สุด
เจเจ : โครงเนื้อเพลงก็เป็นแบบที่พี่เจเขียนครับ แต่เราแค่ปรับแก้บางคำที่เรา 2 คนใช้กันบ่อยๆ เพราะที่พี่เจ แต่งมามันจะมีบางคำที่เป็นภาษาเพลงไปหน่อย เรามาบิดนิดหน่อยให้เป็นภาษาที่เราใช้ แล้วก็มีพี่เบล สุพล มาดูภาพรวมทั้งหมดอีกที บรรยากาศห้องอัดสนุกมาก มีอุปสรรคด้วย
ไอซ์ : คือก่อนจะอัดเพลงผมมีพากย์เสียงการ์ตูน ผมไปพากย์มาแล้ววันต่อมาเป็นวันที่ต้องอัด แล้วเสียงหาย แบบหายไปเลย วันแรกก็เลยอัดได้แค่แร็ปพี่เจ ก็เก็บแร็ปพี่เจ ให้ครบ แล้วผมก็มาหาคิวใหม่ เพราะมันอัดไมได้จริงๆ จนต้องมาอัดร้องผมอีกวัน การทำงานเลยไม่ได้เร่งรีบมาก ก็สนุก ผมทำได้แค่อัดเป็นไกด์เพื่อให้คนคิดท่าเต้นไปทำงานต่อได้ พออัดจริงๆ ก็ต้องมีใช้เอฟเฟ็กต์จูนบ้าง
ท่าเต้นในเพลงนี้
เจเจ : โห หนักหน่วงมาก คือเพลงนี้มันอัพจังหวะมาจากเพลงดี๊ดี แล้วการร้องกับท่าเต้นมันก็ต้องมีการพัฒนาขึ้นเลยทำให้แบบ ทั้งร้องยาก แล้วก็เต้นยากด้วย
ไอซ์ : แล้วเพลงนี้ปกติเราจะปล่อย MV ปล่อย Streaming ก่อน แต่เพลงนี้มันแปลกตรงที่เราต้องไปโชว์ใน Fantopia ก่อน แล้วค่อยปล่อยเพลง ทำให้ซ้อมเต้นต้องเป๊ะ มันก็จะหนักมากแค่เต้นโชว์ในเพลงเดียว ก็มีเต้นหลุดบ้าง (หัวเราะ)
ถ้าเทียบกับตอนทำเพลงดี๊ดี ความยากง่ายต่างกันขนาดไหน
เจเจ : ผมว่าการร้องเราพัฒนาขึ้น โตขึ้น ส่วนการเต้นก็แอดวานซ์มากขึ้น เต้นจริงมากขึ้น
ไอซ์ : ของผมมันยากขึ้นตรงที่ทั้งร้องทั้งเต้นไปด้วยกัน ทั้ง 2 อย่างพอเราทำทั้ง 2 อย่างมันก็ยากมาก แต่เราก็ผ่านมาได้
เจเจ : ถ้าเป็นร้องเต้น ไอซ์ จะถนัดกว่าผม
ไอซ์ : หลังๆ พี่เจจะเต้นได้ถนัดขึ้นก็กลายเป็นร้องเต้น กับ แร็ปเต้น
เจเจ : พูดกันตรงๆ ว่าตอนทำดี๊ดี ผมตั้งมั่นกับตัวเองว่าจะไม่เต้นแล้ว ง่ายๆ คือผมไม่ชอบนั่นแหละ แต่ไม่ชอบอะไรก็ได้อย่างนั้น (หัวเราะ) มันก็เลยแบบถ้าผมหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็พัฒนาตัวเองแล้วก็ชนเลยละกัน (หัวเราะ) แล้วมันก็เลยดีขึ้น
Jaylerr X Paris Relationship
เจเจ : เรา 2 คนเริ่มสนิทกันช่วง ทำ 9×9 ช่วงนั้นได้ซ้อมแล้วก็อยู่ด้วยกันเยอะ ความสนิทก็เลยเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ
ไอซ์ : พอจาก 9×9 ก็มาต่อที่เลือดข้นคนจางก็เล่นด้วยกัน จนมาเล่น Great Men Academy ก็เจอกันอีก จนมาทำดี๊ดีด้วยกัน แล้วก็ยาวเลย
ตอนที่ทั้งคู่เจอกันครั้งแรก
เจเจ : แวบแรกเลย คือไอซ์น่าจะเป็นรุ่นพี่ผม (หัวเราะ)
ไอซ์ : เฮ้ยยย (หัวเราะ) ใช่ผมจำได้แล้ว ครั้งแรกเลย ที่เจอเป็นงานทำบุญของนาดาว แล้วเขานั่งข้างหน้าผม กับพี่ต้าเหนิง แล้วอยู่ดีๆ เขาก็ซุบซิบๆ กัน จนอยู่ดีๆ พี่เหนิง ก็หันมาถามผมว่า น้องอายุเท่าไหร่คะ ตอนนั้นผม 18 พี่เหนิงก็หันกลับไป บอกเฮ้ยๆ เขา 18 ผมก็เลยรู้เลยว่าคนที่อยากรู้เป็นใคร (หัวเราะ) แต่ไม่ถามเองให้พี่เหนิง ถามให้ (หัวเราะ)
เจเจ : แหม ก็คนไม่สนิทกันเลย ถามว่าอายุเท่าไหร่ครับ มันก็แปลกๆ ให้ผู้หญิงถามมันก็ซอฟต์กว่าไง (หัวเราะ) มันก็ดีกว่าผู้ชายถามนะ ถ้าผู้ชายถามมันก็จะแบบนิดนึง (หัวเราะ)
ไอซ์ : เนี่ย เขาจะเสียความคูลไม่ได้ (หัวเราะ)
เจเจ : ส่วนไปแฮงค์เอาท์ปาร์ตี้เนี่ย กับไอซ์กับผมหลังๆ ก็จะมีไปกินข้าวกันบ้าง
ไอซ์ : แบบนั้นเรียกว่ามีบ้างเหรอ (หัวเราะ)
เจเจ : มีบ่อยก็ได้ (หัวเราะ)
มุมดนตรีกับ 2 หนุ่ม
เจเจ : ผมเพิ่งมาสังเกตตัวเองหลังๆ พ่อผมจะชอบเปิดพี่เสก โลโซ อัลบั้มพันธ์ทิพย์ให้ฟัง ตอนผมเด็กๆ พอโตขึ้นมาผมจะฟัง Potato, Bodyslam แล้วเริ่มไป ก้านคอคลับ Thaitanium แล้วผมจะติดนิสัยแบบฟังเพลงในห้องน้ำ ตั้งแต่ได้โทรศัพท์เครื่องแรก จนกลายเป็นนิสัยเลย เป็น 10 กว่าปีมาแล้ว มันเลยซึมซับมาเรื่อยๆ
ไอซ์ : ผมจำไม่ได้ว่าผมสนใจดนตรีตอนไหน แต่มีญาติบอกผมว่า ตอนเด็กๆ 4-5 ขวบ พ่อผมเขาจะชอบ Michael Jackson มากๆ เปิดตลอดเวลา ซึ่งญาติผมจะเล่าว่าทุกๆ ครั้งที่มาบ้านจะเห็นผมโยกหัวอย่างรุนแรง และสนุกมากๆ แล้วเวลาโรงเรียนมีงานอะไรผมจะต้องหาทางไปโชว์ให้ได้ อย่างเช้าเขาจะมีให้เต้นแอโรบิก เพื่อนๆ ผมทุกคนจะเกลียดมากเพราะมันเช้า แต่ผมจะเอ็นจอยมากๆ มาเต้นตามพี่นะน้อง (หัวเราะ)
เจเจ : อารมณ์คนนำเต้นแอโรบิกหน้าโลตัส (หัวเราะ)
ไอซ์ : ผมนั่งแกะท่า Moonwalk กับพ่อ เอาถุงเท้ามาใส่ เขย่งดันเท้าถอยหลัง ท่าเอนตัวผมก็ทำนะให้พ่อดึงกางเกงให้ เหมือนที่คณะตลกชอบทำ (หัวเราะ)
เครื่องดนตรีของ 2 หนุ่ม
เจเจ : ผมเล่นกีตาร์ กับเปียโนได้นิดหน่อย เล่นแบบจีบสาว (หัวเราะ) ก็คือจับคอร์ดได้หมด แต่เพลงแรกที่จำเนื้อร้องได้หมดคือพันธ์ทิพย์
ไอซ์ : ของผมเล่นกีตาร์กับวงครับ ตามไอดอลผมเลยคือพี่ยอด Bodyslam (หัวเราะ) ผมจำได้ไปดู Big Mountain น่าจะเป็นครั้งที่ 3 เห็นพี่ยอดสะบัดผมเล่นกีตาร์กลาง Smoke Machine มันเท่มากผมก็เลย ต้องเล่นตามให้ได้ช่วงนั้น ม.2-ม.3ก็เริ่มเล่นกีตาร์ตั้งแต่ตอนนั้น จนล่าสุดผมได้ไปเจอพี่ยอด พี่ชัช หลังเวที Big Mountain ก็เฮฮาครับ เสียงดังเชียว (หัวเราะ)
เจเจ : ผมจะมีเพลงแรกในชีวิตที่เล่นกีตาร์แล้วร้องด้วยได้ คือเพลง Sexy ของ Paradox
ไอซ์ : เหมือนผมเลย คือคอร์ดจับง่าย ยกนิ้วเดียว แต่พอเล่นได้แล้วรู้สึกเก่ง (หัวเราะ) รู้สึกดีมาก
ขึ้นโชว์บนเวทีครั้งแรก
เจเจ : ของผมเป็นงานโรงเรียนที่เชียงใหม่ เป็นงานประจำปี ก็จะฟอร์มวงกับเพื่อนๆ ขึ้นไปเล่น สนุกมากๆ เวทีเล็กๆ แต่คนเยอะมากยังจำได้เลยว่าสนุกมากๆ ก็เล่นเพลงแบบ ตาสว่าง พูดไม่คิด คนที่ถูกรัก จิ๊จ๊ะ โดดกันไม่ยั้งครับ
ไอซ์ : ของผมมีทั้งวงในโรงเรียน และนอกโรงเรียนชื่อวง Yellow Mustard ก็ไปเล่นตามงานมหาวิทยาลัย คือตอนนั้นพวกผมยังเด็กมากเข้าผับไม่ได้ก็ต้องไปเล่นตามงาน เฟรชชี่ แล้วก็เล่นกันหลายงานไปเรื่อยๆ
การเจอตัวตนทางดนตรี
เจเจ : ของผมนี่พอเราได้ iPhone เครื่องแรกตอนม.2 ผมก็รู้สึกว่าเราก็ถึงเวลาต้องสนับสนุนศิลปินอย่างถูกต้องแล้ว (หัวเราะ) ก็เลยเข้าไปใน iTunes แล้วก็เลือกศิลปินต่างประเทศแล้วผมไม่รู้จักใครเลย ผมก็เลยสุ่มจากปกอัลบั้ม แล้วก็ไปกดซื้อพวก Hip Hop จากนั้นก็ฟังยาวๆ เลย ผมชอบจังหวะของ Hip Hop ทั้งๆ ที่ผมฟังเนื้อเพลงไม่ออกนะ แต่อะไรที่เป็น Vibe เป็นดนตรี เป็นจังหวะ จะค่อนข้างชอบ
ไอซ์ : ตั้งแต่เล่นวงดนตรีมาผมไม่เคยคิดว่าตัวเองจะร้องเพลงได้เลย แล้วทุกคนในวงก็บอกว่ามึงเล่นกีตาร์ไปดีแล้ว จนมาเข้า 9×9 เลยไปเรียนร้องเพลงกับครูพอไปเรื่อยๆ มันก็เริ่มทำได้ ก็เลยเริ่มสนุกกับการร้องเพลง เอาจริงๆ ผมฝึกเป็นสายกีตาร์เต็มตัวเลย มีช่วงนึงไว้ผมยาวด้วย แต่มันไม่ได้ คือเพลงแรกที่ผมโซโล่คือยาพิษ ซึ่งโคตรยากเลย ฝึกเป็นเดือน
งานเปิดตัวในฐานะศิลปินของทั้งคู่
เจเจ : สิ่งที่ผมจำได้คือแขนขาผมสั่น มันคนละฟิลกับงานโรงเรียน เอาจริง แม่งกลัว ผมใช้คำนี้เลย แต่โชคดีเพื่อนเยอะ มี 9 คนก็ช่วยเพลาๆ กันได้ แต่จังหวะนั้นไม่มีใครถามกันแล้วล่ะ (หัวเราะ) ยืนตั้งสมาธิกับตัวเอง แล้วผลัดกันตะโกนทีละคน แล้วมาอยู่กับตัวเองต่อ (หัวเราะ)
ไอซ์ : ของพี่เจเจ เขาตื่นเต้นแล้วขาสั่น ของผมตื่นเต้น แล้ว Alert พยายามหาอะไรทำจนล้นมากๆ วิ่งไปทั่วแล้วตัวเองก็แบบหอบจะตาย ตะโกนแหกปากเรื่อยๆ รู้สึกตลกตัวเองนิดนึง
มุมมองการทำงานในวงการดนตรี
เจเจ : พอเราได้ทำงานมากขึ้นเราเห็นรายละเอียดในการทำเพลงว่าในหนึ่งเพลงมันมีขั้นตอนขนาดไหน การร้อง การเขียน การโปรดิวซ์เพลงขึ้นมา 1 เพลง รายละเอียดมันค่อนข้างเยอะ ซึ่งเราโชคดีตั้งแต่ Debut มาเราก็ได้ทำเพลงกับรุ่นพี่ ศิลปินในวงการ ที่มีฝีมือ ทำให้เราได้ซึมซับมาเรื่อยๆ
ไอซ์ : จริงๆ ก็ไม่ได้ต่างจากที่ผมคิดขนาดนั้น เพราะว่ามันเป็นสิ่งที่ผมฝันมานานด้วยก็เลยตื่นเต้นไปกับทุกๆ อย่าง รู้สึกดีไปไหม ก็เลยไม่ได้ต่างๆ อะไร
เจเจ : แต่สิ่งที่ผมอยากทำได้ในสายโปรดักชั่นคือผมอยากโปรดิวซ์เองได้ ขึ้นบีทเอง เคยพยายามแต่ทำไม่ได้ (หัวเราะ)
ไอซ์ : เหมือนพี่เจเจ ผมก็อยากจะทำเป็นเดโม่ เอาแบบง่อยๆ ก็ได้แบบขึ้นกลอง อัดดนตรี แล้วให้พี่ๆ ไปต่อยอด มิกซ์ต่ออะไรแบบนี้ก็อยากจะทำได้บ้าง
ผลงานจากนี้
เจเจ : เดี๋ยวก็น่าจะมีเพลงยูนิตคู่เราอีก ในส่วนของไปไอซ์อาจจะมีงานเดี่ยว ออกมาด้วย
ไอซ์ : ซึ่งก็คงจะเป็นร็อคแหละ ผมหนีมันไม่ได้ ผมโตมากับ Bodyslam, Big Ass, Paradox, Potato ผมพยายามไปร้อง อาร์แอนด์บี ก็ยังมีกลิ่นร็อคอยู่ดี พูดบนเวทีผมยังพูดเหมือนพี่ตูนเลย (หัวเราะ)
เจเจ : ก็อปมาเลยแหละ (หัวเราะ)
ไอซ์ : ก็ผมนั่งเปิดดู Live In คราม เป็นสิบๆ รอบ ก็ต้องเหมือนบ้างแหละ (หัวเราะ)
เจเจ : ยังไงก็ขอฝากเพลงของพวกเราด้วย แล้วก็ความเคลื่อนไหวของเราได้ทุกช่องทางของ Nadao Music และ Nadao Bangkok นะครับ