คำถามแรกอยากให้เอิร์ธบอกความเป็นตัวตนของตัวเองว่าเป็นอย่างไร
Hyperactive ครับ (หัวเราะ) สมาธิสั้น ถ้าไม่สนใจนะ ถ้าสนใจมันจะกลายเป็นหมกมุ่น (หัวเราะ) ความจริงน่าจะเล่นกีตาร์มากกว่านะครับ ผมนับจังหวะไม่เหมือนชาวบ้านไม่นิ่ง เลยจะชอบกดดันตัวเองอยู่บ่อยครั้ง มีครั้งนึง อ.แมว (เจ้าของคอลัมน์) มาดูวงผมเล่น (ตื่นเต้นๆ) พอเล่นเสร็จ ด้วยความเกร็ง วิ่งไปถามแกว่าตีเป็นไงบ้างครับ ผิดไปเยอะ ฟังแย่หรือเปล่า แกตอบกลับมาด้วยวลีที่เปลี่ยนแปลงชีวิตเลยครับ “เพลงเอ็ง เอ็งจะตียังไง ทำไมต้องกลัวเค้าไม่ชอบด้วย อาจารย์ว่าดีเลย แต่หลุดเยอะนะ” (หัวเราะ)
เพลงของฟลัวร์นี่มีความเป็นตัวเองสูงมาก ช่วยนิยามความหมายของดนตรีแบบฟลัวร์ให้หน่อย
เราไม่ใช้วงที่เล่นดนตรีกันเก่ง ไม่ได้มีการเรียนทางนี้มาอย่างจริงๆ จังๆ แค่เด็กบ้าดนตรีชอบแตกต่างและกบฏ สิ่งที่ฟลัวร์เป็นก็คือคนที่ไม่ได้ปรุงแต่งหรือพยายามเป็นสิ่งอื่นนอกจากตัวเอง ผมว่ามันเป็นสิ่งที่คนฟังน่าจะรู้สึกได้ถึงความจริงใจ แม้จะเล่นผิดบ่อย แต่ผมว่าความหมายของดนตรีของเราคือ คุณทำได้มันมีโอกาสเสมอเป็นตัวอย่างของ Underdog ที่ต้องลุ้นจนวิสุดท้ายว่าจะสำเร็จมั้ย ผมว่ามีคนรอดูเราพลาดอยู่ตลอด แต่ในขณะเดียวกันเราจะไม่พลาดเพื่อคนที่คอยลุ้นอยู่ข้างๆ เรา
การตีกลองของเอิร์ธได้รับอิทธิพลมาจากใคร
John Bonham, Jack Irons, Matt Cameron, Jimmy Chamberlin สมัยเด็กจะชอบ Pearl Jam, Soundgarden หรือพวก Stone Temple Pilot ซึ่งน่าจะมีส่วนมาจากที่พ่อผมชอบเปิด Led Zeppelin ระหว่างทางไปโรงเรียนบ่อยๆ หรือถ้าสมัยใหม่หน่อย ก็มี Ilan Rubin (NIN), Dominic Howard (Muse) จะออกแนวดีไซน์ไลน์กลองไว้สวยงามดุดัน แต่ที่เพิ่งมาค้นพบก็คือผมชอบดนตรีของ Pet Shop Boy หรือ New Order มาก และวงยุคที่ฟังหลังๆ จะมีกลิ่นของ Drum Machine เช่น the Music หรือ Editors หรือ the Cooper Temple Clause ครับ
ได้ฟัง Single ล่าสุดของฟลัวร์ “บ่ม” เห็นการตีกลองของเอิร์ธแล้วมันส์มาก มีอะไรพิเศษหรือเปล่า
มีครับ ตรงที่อาจารย์ชมนี้แหละครับ ขอบคุณครับ (ยิ้ม)
ถ้าให้เลือกได้ อยากจะนั่งคุยกับมือกลองหรือศิลปินคนไหนมากที่สุด
John Cage ครับ ได้ฟังแนวคิดดนตรีแบบ Experimental ตาม YouTube หรืออ่านตามหนังสือเท่าที่หาได้ เอาจริงๆ มันเป็นเหมือนการค้นหาความหมายของดนตรีในตัวเรา พื้นที่ของเราบนโลกอะไรประมาณนี้ครับ
เมื่อไหร่จะได้ฟังอัลบั้มเต็มของฟลัวร์
ผมขอไปห้องน้ำก่อนนะครับเดี๋ยวมา (อีก 2-3 นาทีเดินกลับมาทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นโดยพูดว่าคำถามต่อไปเลยครับ) (หัวเราะ)
ลองบอกชื่อวงที่ทำให้มือกลองอย่างเอิร์ธฟังได้ไม่มีวันเบื่อสัก2-3วง
New Order, Editors, Manic Street Preacher, John Lennon, Oasis, The Doors ฯลฯ ขออภัยครับมีอีกเยอะเลย (หัวเราะ)
การฝึกซ้อมของเอิร์ธเป็นแบบไหน ช่วยเล่าให้ฟังหน่อย
ถามได้ถูกคนแล้วครับ (หัวเราะ) เมื่อก่อนตอนเด็ก ผมกับวงแจมดนตรีกันบ่อยมากจนลืมไปเลยว่าซ้อมกลองคืออะไร แต่พอโตขึ้นเป็นนักดนตรีอาชีพก็ไม่ค่อยจะซ้อมเองเท่าไหร่คงเพราะชินนะครับ จนกระทั่งผมได้รู้จักและทำงานร่วมกับพี่ต่อ (Silly Fools & Loss) ซึ่งพี่ต่อนี้ถือว่าเป็นแบบอย่างของนักดนตรีที่มีวินัยในการซ้อม มีความละเอียดในการซ้อมด้วย เขาจะมีเป้าหมายเสมอว่าจะซ้อมอะไรเช่นวันนี้ซ้อม Triplet หรือซ้อมลูกส่ง แกจะซ้อมซ้ำๆ แบบมีรูปแบบที่ชัดเจน ไม่ใช้สักแต่ตีๆ ไป ซึ่งเวลาผมไม่ได้ซ้อม เขาก็จะฟังรู้ทันที รวมๆ แล้วเขาไม่เคยสอนผมเลยนะครับ แค่ทำเป็นแบบอย่าง ส่วนอันนี้หลังนี้ของผมเองครับ ผมพยายามจับไม้กลองไว้ในมือบ่อยที่สุดที่ทำได้ ไม่ต้องเคาะอะไรก็ได้ครับแค่รู้สึกถึงไม้ในมือ ผมว่ามันช่วยได้มากครับและอะไรมันก็จะตามมาเอง
ได้ไปเห็น Studio ของเอิร์ธที่บ้าน เลยไม่รู้สึกแปลกใจเลยว่างานของฟลัวร์จะถูกสร้างสรรค์ที่นี่ และเห็นเอิร์ธดูผูกพันกับสถานที่นี้มากน่าจะมีเรื่องราวน่าสนใจ พอจะเล่าได้มั้ยครับ
คือที่บ้านนี้ เป็นห้องที่ผมได้มีโอกาสเรียนกลองแบบตัวต่อตัวกับ อ.แมว ในตำนาน (หัวเราะ) ในสมัยแกยังวัยรุ่นด้วยนะครับ จนกลายมาเป็นห้องซ้อมดนตรีของพวกผมมาตั้งแต่เด็กแล้วครับ เริ่มซ้อมกันครบวงก็ที่นี้ อย่างชุดแรกแต่งและอัดเดโมที่นี่หมด ซึ่งไม่ได้มีห้องหรือเครื่องมืออะไรที่ดีเลยนะครับ ห้องยังไม่เก็บเสียงด้วย แต่เด็กอยู่ไม่เกรงใจใคร (หัวเราะ) ตอนนี้พอทำให้เก็บเสียงและมีพื้นที่มากขึ้นก็เลยใช้เป็นห้องนอนอยู่พักนึง (หัวเราะ) มีศิลปินหลายท่านก็ติดใจในสถานที่มาอยู่ยาวก็มีนะครับ ขอสงวนชื่อไว้ เพราะชีวิตของผมเหมือนมันหลอมรวมอยู่ในห้องเล็กๆ นี้ที่ผมสามารถตัดขาดและมีสมาธิทำดนตรีหรือใช้ความคิดได้จริง และพอก้าวออกจากห้องทีนึง ก็ผ่านไปแล้ว 1 ปี! เราชอบเรียกห้องนี้ว่าห้องกาลเวลา อุปกรณ์บันทึกเสียงถึงไม่ได้ดีมาก แต่ถ้าพยายาม เสียงที่อัดมาจะได้คุณภาพเลยนะครับ ไม่ว่าอัดแยกชิ้นหรืออัดเป็นวงมันมีขนาดที่ไม่น่าจะเหมาะกับการอัดกลองแต่ทั้งผมและพี่ต่อ ชอบการอัดกลองในห้องนี้มาก และเมื่อฟลัวร์ทำงานกันก็ใช้บันทึกสดพร้อมกันได้ด้วย แต่ตอนนี้ย้ายมาอยู่ที่บ้านตัวเองบางส่วนครับ เป็นพวก DAW และมีเปียโนจริงกับกลองไฟฟ้า แค่นี้ชีวิตเปลี่ยนเลยครับ
ถ้าให้เลือกระหว่างมือกลองกับนักแต่งเพลงจะเลือกอะไร
นักแต่งเพลงที่เป็นมือกลองได้มั้ยครับ (หัวเราะ) ผมแต่งเพลงและทำเพลงไว้เยอะมาก และผมก็ได้บันทึกกลองให้กับหลายศิลปิน แต่ผมไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นมือกลองเท่าไหร่นะครับเวลาคิดกลองก็เลยคิดแบบเป็นแต่งเพลง จึงออกมาแปลกๆ ไม่ค่อยจะฟังโปรฯ เท่าไหร่ เล่นอีกทีก็ไม่เหมือนเดิมแล้ว เพราะคิดไปตีไป (หัวเราะ) ผมเป็นนักแต่งเพลงครับที่เริ่มจากกลองก่อนด้วย ที่เหลือก็ปล่อยไปตามจังหวะละกันนะ
ได้ข่าวว่าร่วมงานกันกับ”โป้ โยคีเพลย์บอย” ช่วยเล่าให้ฟังหน่อยครับ
อันนี้ถือเป็นความภูมิใจในฐานะนักดนตรีและแฟนคนหนึ่งของพี่โป้เลยครับ ผมรู้จักพี่โป้ครั้งแรกก็ตอนทำฟลัวร์ชุดแรก ซึ่งผมจำได้ดีเลยว่าตอนนั้นเรามีปัญหาเรื่องเนื้อเพลงกันอยู่ พี่สุกี้จึงเรียกพี่โป้มา คำแรกที่พี่โป้พูดคือ “พี่ขอเป็นตัวแทนของพี่ๆ Bakery Music ทุกคนมาช่วยน้องเอง” และต่อจากนั้นก็ได้รู้จักเเละเล่นดนตรีด้วยกันในเวลาที่พี่โป้ทำเดโม่ก็คือผมมีหน้าที่บันทึกเพลงให้เร็วที่สุดเพราะเค้าอาจลืมไปแล้ว มันสดมาก แล้วพอมาประมาณ 3 ปีที่แล้วผมได้มีโอกาสร่วมงานกับพี่เค้าจริงจังในถานะ Co-Producer ซึ่งมีหน้าที่ครอบคลุมถึงการบันทึกเสียงและมิกซ์บางเพลงและตีกลองบางเพลงไว้ด้วย จนถึงปีนี้พี่โป้ให้ผมเป็น Producer เต็มตัว และวางแผนการบันทึก มิกซ์ และช่วย Design เสียงใน Single ใหม่ 3 เพลงของพี่เค้า Yokee Playboy:WE ep2 ซึ่งแกเหมือนพี่ชายแท้ๆ ของผมเลย แกเชื่อในตัวของคน แม้แต่คนนั้นอาจไม่มีความมั่นใจ และแกก็ให้กำลังใจทุกคนที่อยู่รอบตัวเสมอ แต่สิ่งที่พี่โป้อาจลืมไปแล้วคือผมเป็นแฟนเพลงที่เล่นกีตาร์ได้เพลงแรกในชีวิตคือเพลงของแก มันมีความหมายกับนักดนตรีคนนึงมากครับ
และมีคนอื่นอีกหรือเปล่า ที่ร่วมทำงานนอกเหนือจากฟลัวร์
มีนะครับ เช่นเร็วนี้ก็คือ เพลงพลังแสงอาทิตย์ ของฟักกลิ่งฮีโร่ และพี่ริค …..มีพี่โตนโซฟา หลงผิดชวนผมไปเล่นด้วยทีนึง (หัวเราะ)
เคยฟังโปรเจ็กต์ส่วนตัวที่ทำไว้หลายปี ช่วยเล่าให้ฟังหน่อยว่าเป็นมาอย่างไร
อันนั้นวง Bulleteen ครับ ประวัติยาวเอาสั้นๆ ว่าผมเป็น Producer เล่นกีตาร์กับรุ่นน้องคู่หนึ่งที่เป็นแฟนกัน เพลงจะออกแนว Editors, The Music พวก NuRave อะไรประมาณนั้นครับ ซึ่งผมชอบมาก ทำเพลงกันเป็น 40-50 เพลงได้ ออกมา 2 ชุด เป็นมินิอัลบั้มครับ ผมชอบมากและจนถึงวันนี้คนที่เกี่ยวข้องทุกคนก็ยังพูดถึงกันอยู่ แต่คงกลับมาทำยากครับ สมาชิกอีก 2 ท่านหลังเลิกกัน ก็ได้มีลูกกันไปหมดแล้ว เป็นช่วงหนึ่งที่ดีที่สุดในชีวิตก็ว่าได้ครับ
ช่วยบอกถึง Drum Set และอุปกรณ์ที่ใช้อยู่ตอนนี้ว่ามีอะไรบ้าง
Tama ครับ ผมชอบแบรนด์นี้มากแบบไร้เหตุผล จนมาได้เห็นคำพูดของ Dominic Howard พูดถึง Tama ว่าเป็นกลองที่รับแรงกระแทกของกีตาร์ไฟฟ้าได้ดี ฟังผ่านๆ ก็ไม่ได้นึกอะไรนะครับ แต่มาคิดอีกที Muse กับ Nirvana นี้เหมือนกันมาก โดยเฉพาะการพังเครื่องดนตรี (หัวเราะ) เอาว่าสรุปคือ Tame มันเป็นกลองที่มี Attitude แบบที่ผมชอบครับ Set ตอนนี้ที่ใช้คือ TAMA Rockstar Hyperdrive Tom 12,14,16 สแนร์ Tama Starclassic Copper ตัวหลัก และ Brass สำรองกระเดื่อง TAMA Speed Cobra, Hardware ผสมกันของ Gibraltar กับ Tama หนังTom เป็น Evans g12 Coated, Snare Remo Controlsound, Bass Drum เป็น Evans EMAD ฉาบ Ziljian ซะเกือบหมด คือ Hi-hat K 14” Crash K Hybrid 14, 16, K Session Crash 16 Ride เป็น Paiste รุ่น 2002 China Orientation 16 ไม้กลอง Promark 5AB หรือ .565 Forward Balance ครับ
ช่วยบอกถึงความรู้สึกระหว่างงานใน Studio กับ Live ว่าเป็นอย่างไร
ผมว่างานในสตูดิโอมันบั่นทอนชีวิตนิดๆ นะครับ นึกดูว่าต้องนั่งในห้องไม่เห็นแสงเห็นตะวันกันเป็นวันๆ เพื่อที่จะหาความสมบูรณ์แบบที่ไม่มีทางได้ กับการออกไปพบปะผู้คนในคอนเสิร์ต คนละโลกเดียวกันเลยครับ (หัวเราะ) คือนักดนตรีส่วนใหญ่จะตามหาคุณภาพในแบบสตูดิโอมาสู่เวที ผมว่าต้องคิดแยกกันนะครับ เพราะถ้าจะให้ทำเพลงในสตูดิโอที่ฟีลเหมือนกับแสดงสดทุกเพลงคงฟังเหนื่อยมาก ส่วนถ้าเอาสตูดิโอมาเล่นสดคงเรียบร้อยไปนิด เสน่ห์มันอยู่ที่วงไหนหาจุดตรงกลางให้ได้มั้งครับ
เมื่อไหร่จะมีคอนเสิร์ตใหญ่ของวงฟลัวร์
เอาเป็นเล็กเต็มรูปแบบเร็วๆ นี้แน่ครับ
กับโลกสมัยใหม่ ความล้ำหน้าของ Digital มีผลดีหรือไม่ดีอย่างไรกับการสร้างสรรค์ผลงานของนักดนตรีในยุคนี้
Undo Copy Past Quantize คำพวกนี้เมื่อ 15 ปีก่อนยังไม่มีความหมายอะไรมากแต่สมัยที่เรามีมือกลองในคอมที่ตีได้ตรงและเลือกเสียงได้ไม่จำกัด ความสมบูรณ์มันจึงไม่ได้เป็นจุดวัดผลงานเพลงเหมือนที่เราฟังในอดีต Character มากกว่าครับที่แบ่งแยกดนตรีที่น่าสนใจกับดนตรีทั่วไป เพราะเรามีความสามารถของคอมพิวเตอร์ในระดับที่ John Lennon ไม่เคยจินตนาการได้ เช่นกดปุ่มเดียว Mastering เรียบร้อย Preset ฯลฯ สิ่งเหล่านี้ทำให้นักดนตรีใหม่ลืมรากฐานว่าดนตรีมักอยู่ในแถวหน้าของการพัฒนาทางเทคโนโลยีเสมอ ดังนั้นเราไม่มีทางเข้าใจอนาคตได้เลยถ้าไม่ไปขุดลึกถึงรากของมัน มันทำให้เกิดความรู้สึกร่วมและความพอใจอย่างสูงเวลาที่เรารู้บางอย่างที่ถูกลืมไปนานแล้ว
สุดท้ายมีอะไรจะฝากกับน้องๆ ที่อ่านใน Gmag บ้างครับ
ผมขอยืมคำพูดของ Buddy Rich มือกลองระดับตำนานมาใช้นะครับ “I don’t give advise to anyone, you should and you will find your own advise”