Song Analyze Series : Manhattan
Perfectionist
มือกีตาร์ที่ถูกกล่าวถึงในฐานะปรมาจารย์กีตาร์ที่มาพร้อมกับความเป็นคนสมบูรณ์แบบในทั้งการเล่น และซาวด์ อิทธิพลดนตรีที่มีทั้ง บลูส์ แจ๊ซ คันทรี่ย์ หนึ่งในผู้ที่ทำให้กีตาร์อย่าง Fender และ Gibson สามารถเปล่งพลานุภาพ และศักยภาพได้อย่างสูงสุด ในยุคที่มือกีตาร์ฮีโร่ทั้งหลายปั่น จิ้ม และโยกคันโยกกับเสียงแตกอย่างบ้าคลั่ง ชายคนนี้กลับเล่นเทคนิคที่แตกต่างออกไป อย่าง Hybrid Picking เอาใจใส่กับ Chord Voicing การเล่นที่ฟังไพเราะ และสะอาดหู จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก Eric Johnson
Beauty & The Beast
และถึงแม้ว่าเราจะบอกว่าเขาเล่นโน้ตได้สะอาดและไพเราะเพียงใด แต่อย่าพึ่งไปคิดว่าเพราะเขาเล่นอะไรเรียบง่าย หรือธรรมดา เพราะวิธีการที่จะเล่นให้ได้แบบ Eric Johnson นั้นเรียกว่าลากเลือดเอามากๆ ทั้งซาวด์ที่ต้องละเอียด การจับปิ๊คในการดีด วิธีดีด การเล่น Vibrato การเล่น Voicing Chord ฯลฯ ทุกคนที่เล่นเพลง Eric Johnson พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “เพราะนะแต่ยากฉิบหาย” ก็เป็นดังนี้แล
ที่มา (Pic : Venus Isle)
- เพลงนี้ อยู่ในอัลบั้ม Venus Isle
- เพลงนี้แต่งมาโดยได้อิทธิพลจาก Wes Montgomery
- เป็นเพลงที่ Eric Johnson ไม่ค่อยเอามาเล่นในกรณีเล่น แบบ Trio
- ถ้าฟังดีๆ เพลงนี้ช่วงโซโล่จะมีเสียงเหมือนปรับ Selector อยู่ด้วย
- และสิ่งที่ขัดใจบรรดาคนเล่นมากที่สุดคือเพลงนี้อยู่ในคีย์ Eb minor
About : Eric Johnson
- Eric เป็นมือกีตาร์ที่เป็นทั้งสายแบ๊คอัพ และสตูดิโอมาก่อนที่จะมีงานเดี่ยว ของตัวเอง
- ศิลปินมีชื่อเสียงหลายคนใช้บริการเขาอย่าง Carole King, ChristopherCross
- Electro Magnet เป็นวงก่อนที่จะเขามาทำผลงานเดี่ยว
- แน่นอนด้วยความเป็นคุณละเอียด เขาจึงสามารถแยกแยะเสียง Fuzz Face ที่ใช้ถ่านต่างยี่ห้อกันได้
- เคยมีการทดลองเรื่องซาวด์อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเขา ว่าจะเปลี่ยนไปขนาดไหน ถ้าเปลี่ยนกีตาร์ โดยการเอากีตาร์ของ Zakk Wylde มาเล่น ปรากฎว่ามันก็ยังออกมาเป็น ซาวด์แบบเค้าอยู่ดี
Play
คราวนี้เราจะมาเล่นเพลง Manhattan กัน เพลงนี้ถือเป็นเพลงเก่งของเขาอีกหนึ่งเพลง ในสำเนียงแบบ Jazz แต่ด้วยเทคนิคมากมาย ทั้งการใช้คอร์ด เมโลดี้ต่างๆ รวมถึงโซโล่ต้องบอกว่าถ้าคุณไม่มีพื้นความรู้เบสิกมาโอกาสที่จะแกะหรือเล่นได้แทบเป็นศูนย์ จะเชื่อหรือไม่มาลองดูกันเลย เพลงนี้หินสุดๆ ตั้งแต่เริ่มต้นยันจบท้ายเราเอา 2 ท่อนแรก และโซโล่กลางมาให้ลองเล่นกัน
เพลงนี้อยู่ในคีย์ Ebm ความเร็วอยู่ที่ 99 เริ่มด้วยการเล่นเมโลดี้ที่ใช้เทคนิค Octave เล่น สลับกับการเล่น Double Stop การเล่นเมโลดี้ที่เป็นขั้นคู่ โดยที่ยังมีเสียงโน้ตเบสคอยอุ้มอยู่ รวมถึงไลน์ ที่เล่นเป็นโน้ตแบบ Pentatonic ต่างๆ จะมีการในรูปแบบ Chord Voicing ในแบบที่ถ่างนิ้วเยอะๆ ด้วย รวมถึงใช้นิ้วโป้งในการจับโน้ตเบส ซึ่งค่อนข้างต้องใช้ความเข้าใจมากทีเดียว
เราจะได้อะไร :
- การเล่นเทคนิค Octave ในแบบ Jazz Style ที่จะต้องมีการสไลด์ครึ่งเสียงเยอะ และการเล่นในคีย์ที่ไม่ปกติอย่าง Eb minor ทำให้หาตำแหน่งโน้ตยากขึ้น
- ถ้าสังเกตุดีๆ ท่อนนี้จะใช้คอร์ดไม่ได้ซับซ้อน คอร์ดจะถูกวางไว้หลวมๆ แต่พวกโน้ตประกอบทุกอย่างจะเป็นเสียง Tension ของคอร์ดหลักๆ ทั้งหมด นี่เป็นวัตถุดิบอย่างดีในการสร้างสีสันให้คอร์ด
- การรักษาไทม์มิ่งในขณะที่เล่นคอร์ด ผสมกับเมโลดี้ที่ยากๆ แบบนี้ เป็นสิ่งที่น่าศึกษามากลองเล่นอย่างช้าๆ ดู
- ลองเล่นโดยฟังเพลงไปด้วย ให้สังเกตว่าตรงไหนเน้นหนักเบาสั้นยาว ทุกส่วนโน้ตมีผลหมด ให้ลองฝึกเล่นและฟังดู
ในท่อนที่ 2 จะมีเมโลดี้หลักๆ คล้ายๆ ท่อนแรก แต่จะมีการใช้เทคนิคที่ทำให้มือกีตาร์หลายๆ คนหลงไหล Eric Johnson นั่นคือการเล่น Harp Harmonic ผสมกับ Chord Voicing และเสียงกีตาร์แบบ Delay และ Reverb รวมถึงการเล่นพวกแนวโน้ต ประสานในคอร์ดเดียว การเล่นเมโลดี้ ด้วยกลุ่มโน้ตที่สร้างความน่าสนใจ ในเฟร็ตลึกๆ รวมถึงก่อนที่จะส่งเข้า Solo ที่จะเปลี่ยนทางเดินคอร์ดด้วย
เราจะได้อะไร :
- พระเอกของท่อนนี้คือท่อน Harp Harmonic บนคอร์ด Bmaj7 เทคนิคก็คือบาร์คอร์ดที่เฟร็ต 6 โดยมีนิ้วกลางกดที่ช่องที่ 7 สาย 2 จากนั้น ให้ดีดสาย 3 ก่อน จากนั้นใช้นิ้วชี้แตะบนเฟร็ต 18 ใช้นิ้วโป้งดีด แล้วค่อยไล่ลงมาทีละสาย ให้ นุ่มนวลที่สุด นี่เป้นเทคนิคที่เป็นจุดเด่นของ Eric Johnson เลย ซึ่งเทคนิคนี้เป็นเทคนิคจากพวกมือกีตาร์สายฟิงเกอร์สไตล์
- การเล่นโน้ตพวกที่เป็นกลุ่มคอร์ด 3 เสียง ซ้อนไปบนคอร์ดๆ เดียว ก็เป็นอีกไม้ตายที่ Eric Johnson ใช้เป็นประจำ เขามักจะไม่ได้ใช้ Triad ตรงๆ แต่จะใช้ขั้นคู่ เช่นคู่ 3 คู่ 6 ผสมกับโน้ตที่เป็นเสียงต่ำหนึ่งตัว และเล่นเป็นเสียงสั้นๆ จะได้ซาวด์คล้ายๆ กับการเล่น คอร์ดบนเปียโน
- การเล่น Octave อีกแบบก็คือการใส่โน้ตอาจจะเป็นขั้นคู่ 4 หรือ 5 ลงไปกลาง Octave ทำให้ได้เสียงเป็นลักษณะคอร์ด 3 เสียง ซึ่งเป็นวิธีที่มือกีตาร์แจ๊ซอย่าง George Benson ชอบใช้
โซโล่ในกลางเพลงนี้ความน่าสนใจ มาก ตรงที่ชุดคอร์ดจะถูกเปลี่ยนไป ซึ่งจะมีคอร์ดที่เป็น Extension หรือ Altered Chord นั่นทำให้ทางเลือกในการใช้ Scale หรือโน้ตที่เป็น Chord Tone ต่างๆ มีสีสันมากขึ้นเมื่อบวกกับการเล่น โซโล่แบบ Eric Johnson จึงทำให้ได้โทนเสียงที่แตกต่างกันมากมาย เรามาดูกันว่าอะไรที่เป็นลักษณะพิเศษในการโซโล่แบบ Eric Johnson
เราจะได้อะไร :
- การใช้ Scale แบบ Eric Johnson นั้นในความเป็นจริง 70-80 เปอร์เซ็นต์เขาจะใช้ทุกอย่างเป็น Pentatonic ในการโซโล่ แต่ที่ทำให้เขาโดดเด่นกว่ามือกีตาร์คนอื่นๆ ก็คือ จังหวะในการพักโน้ต หรือ การผ่อนความเร็วของท่อน Run ในขณะที่เขาจะ Run Pentatonic เขาจะมีการพักโน้ตไปเน้นเมโลดี้ที่น่าสนใจ ก่อนจะเร่งความเร็วในแต่ละชุดเสมอ
- การใช้ Pentatonic ผสมกันอย่างในท่อนนี้จะมีการใช้ Eb minor Pentatonic กับ F minor Pentatonic ซึ่งทั้ง 2 จะเล่นแบบ Pentatonic ที่มีตัวที่ 2 (9Th ) อยู่ด้วยในลักษณะที่เรียกว่า Hexatonic ซึ่งพอไปอยู่กับพวกคอร์ดที่เป็น Tension ก็จะทำให้ ตัว Scale มีเสียงที่น่าสนใจมากยิ่งขึ้น
- การเล่นเมโลดี้ของ Eric Johnson มักจะมีคอร์ดโทนเป็นไกด์ไลน์ก่อนที่จะเล่นเมโลดี้ ต่างๆ เสมอ โดยเขาจะเล่นโน้ตที่เป็นไกด์โทนบนสายบนๆ แล้วมาเน้นเมโลดี้ที่สายล่างๆ ทำให้เสียงของโน้ตดูกระโดด แล้วมีความน่าสนใจมากขึ้น และเป็นการสร้างประโยคถามตอบขึ้นมาใน Lick นั้นได้เลย
หลักการเดียวกันกับพวกคอร์ดที่เป็นคอร์ดยากๆ อย่าง Altered Chord ตัว Eric Johnson ไม่เคยใช้อะไรที่ซับซ้อนไปกว่าการซ้อนคอร์ดลงไปเพื่อสร้าง Harmony แต่วิธีการก็คือ เขาใช้การสร้างไกด์โทน กับเมโลดี้ให้มันดูมีระยะห่างของเสียงต่างกันเยอะๆ นั่นทำให้เสียงเวลาเล่นดูซับซ้อน ดูกว้าง และน่าสนใจมากขึ้นนั่นเอง