อย่าพูดเลย (ดีกว่า)
เพลงช้าหนักแน่นเพลงสไตล์ Sweet Mullet เพลงนี้ต้องตั้งสายลง 1 เสียง ทำให้รูปคอร์ดอยู่ในคีย์ A Major ความเร็วเพลงนี้อยู่ที่ 88 ท่อน Verse จะเป็นการ Strum Chord ด้วยกีตาร์อะคูสติกในช่วงแรกๆ และเป็นการเล่นเมโลดี้ในช่วงหลัง ท่อน Hook จะเป็นการเล่นโน้ตที่เป็นตัวเมโลดี้ในคอร์ดด้วยเสียงแตก ท่อน Verse 2 จะเริ่มจากการเล่นแบบทิ้งคอร์ดก่อน จะเล่นเป็นไลน์คอร์ดผสม Tapping และตบค้วยเมโลดี้ ท่อน Hook 2 จะเป็นการเล่นโน้ตที่เป็นเมโลดี้ในคอร์ดผสมกับโน้ตที่เป็นเมโลดี้เดี่ยวๆ ท่อน Solo จะเริ่มด้วยเมโลดี้แบบสไลด์จากนั้น จากนั้นจะ Run เป็น Scale ก่อนจะเล่นเป็นเมโลดี้ผสมกับเทคนิคดันสายและ Lick แบบ Octave ก่อนจะจบด้วยเมโลดี้ ท่อน Hook End จะเริ่มด้วยการทิ้งคอร์ดก่อนจะไล่จังหวะกับคอร์ดให้เร็วขึ้น ก่อนจะเล่นด้วยโน้ตที่เป็นเมโลดี้ในคอร์ด ก่อนจะจบด้วยคอร์ดลักษณะ Power Chord
Verse : จะเริ่มด้วยการ Strum Chord ในส่วนแบบเขบ็ต 1 ชั้น ก่อนที่ช่วงหลังจะเป็นเมโลดี้ตามคอร์ดไป ซึ่งจะเล่นอยู่ในช่วงเฟร็ตที่ 2-7
Hook : จริงๆ เราสามารถเล่นเป็น Power Chord ได้เลย แต่ในขณะที่อีก Line เล่นเป็นโน้ตแบบคอร์ดเมโลดี้ ในบริเวณเฟร็ตที่ 4-6 วิธีการเล่นคอร์ดในท่อนนี้จะเป็นการเล่นแบบ เทคนิคที่เรียกว่า “การใช้โน้ตร่วม” คือจะเล่นกลุ่มโน้ตยืนไว้ 1 ชุดแล้วเปลี่ยนโน้ตเบส ซึ่งเพลงนี้เป็นลักษณะนั้น ก่อนจะจบท่อนด้วยการเล่นเมโลดี้ที่เฟร็ต 7-10 ใน 3 สายล่าง
Verse 2 : ช่วงแรกจะเป็นการดีดคอร์ดแล้วค้างเสียงไว้ แล้วเปลี่ยนคอร์ดผ่านอีกทีตรงจังหวะยก จากนั้นจะเป็นเทคนิคการเล่นที่น่าสนใจโดยจะเริ่มเล่นเมโลดี้ด้วย Shape คอร์ดแบบ F#m7 ด้วยการเล่นกระจายคอร์ดแบบ Arpeggio โดยที่มือจะเคลื่อนไหวในลักษณะ แบบคงรูปคอร์ดไว้จากนั้นจะเล่นเมโลดี้ และเล่น Hammer On ที่เฟร็ต 9-11 ในรูปแบบโน้ตคู่ 6 สาย 4 กับสาย 2 โดยที่ใช้การ Tapping 2 นิ้วที่เฟร็ต 14 จากนั้นจะเล่นเป็นเมโลดี้ แล้วก็จะเป็นการเล่น Mute สาย ก่อนจะจบด้วยการเล่นเมโลดี้ส่งเข้าท่อนถัดไป
Hook 2 : เล่นคล้ายหลักการใน Hook แรก เพียงแต่จะมีโน้ตที่เป็นเมโลดี้เดี่ยวๆ เพิ่มเข้ามากขึ้น
Solo : ท่อน Solo จะเริ่มจากการเล่นสไลด์เมโลดี้ในบริเวณเฟร็ตที่ 12-17 ในสาย 2-3 หลังจากนั้นจะมีการเล่น Grace Note Slide ที่เฟร็ตที่ห่างกันมากๆ เช่น 17 ไป 12 หรือ 18 ไป 14 จากนั้นจะเป็นการ Run Lick ที่มีการข้ามสายตรงสาย 6 เฟร็ต 12-14 ผสมกับการเล่นในสายล่างจากนั้น จะจบด้วย Lick แบบ Octave ข้ามสาย เริ่มจากเมโลดี้ข้ามสายที่สาย 3 กับ 5 ก่อนจากนั้นจะเป็นการเล่น Lick แบบ Octave ที่ข้ามสายผสมการสไลด์ในแนวนอน ก่อนจะจบด้วยการดันสายและ Run เมโลดี้ในส่วนแบบเขบ็ต 2 ชั้น
Hook End : จะเริ่มด้วยการเล่นแบบทิ้งคอร์ดค้างไว้ก่อน จากนั้นจะเล่นเป็นคอร์ดแบบโน้ตร่วมกับเมโลดี้ในคอร์ดต่างๆ ก่อนจะจบด้วยคอร์ดในแบบ Power Chord
Guitar-Effect : เพลงนี้ใช้กีตาร์แบบ Humbucker กับเสียง High Gain ค่อนข้างเยอะท่อน Solo นอกจากเสียงแตก อาจจะต้องมี Delay เพิ่มสักหน่อย
Chord Scale : คอร์ดที่ใช้โดยส่วนใหญ่จะเป็นคอร์ดปกติในรูปคอร์ดคีย์ A Major ส่วน Scale ในการ Solo จะเป็นพวก F# minor กับ F# minor Pentatonic เป็นส่วนใหญ่
ข้อควรระวัง : เพลงนี้ในเรื่องของการเล่น Rhythm จะยากในกรณีที่ต้องสับไปเล่นพวกโน้ตเมโลดี้ต่างๆ ส่วนในท่อน Solo ความยากจะอยู่ที่การข้ามไป ข้ามมาของโน้ตบนคอกีตาร์ให้ระวังตรงจุดนี้ให้ดี