สองหนุ่ม “ตน-ต้นหน ตันติเวชกุล” และ “อัด-อวัช รัตนปิณฑะ” ในสังกัด What The Duck หลังจากห่างหายไปนานเป็นปี เราก็นึกว่าจะล้มเลิกความตั้งใจในการเป็นศิลปินซะแล้ว แต่ที่ไหนได้ พวกเขาไปเตรียมตัวเดินหน้าเต็มกำลังกับผลงานเพลงใหม่อยู่นี่เอง กับ Lovephobia ที่มีลูกเล่นและซาวด์ล้ำๆ มากมายที่น่าสนใจ ถือว่าการกลับมากับผลงานใหม่ครั้งนี้ของ mints ดูน่าตื่นตาตื่นใจจริงๆ

mints กับเวลาที่หายไป
mints : พวกเราห่างหายจากการปล่อยเพลงไปปีนึงได้ครับ เพราะก็ไปจัดการธุระของตัวเองเรื่องการเรียน ภารกิจต่างๆ รวมถึงหาตัวตนด้วย คือหลังจากปล่อย EP อัลบั้มแรก ไปเราอยากได้ช่วงพักเบรกเพื่อหาอะไรใหม่ๆ เลยค่อนข้างยุ่ง รวมถึงโปรดิวเซอร์เราอย่างพี่ยิ้ม วงสมเกียรติ ก็ทำ EP อัลบั้มโชว์ห่วยอยู่ด้วย นอกจากเรื่องเวลาแล้วพวกเราเองก็อยากทำ EP ที่จะปล่อยนี้ให้คนฟังได้เห็นว่าเรามีชั้นเชิง มีการเติบโตมากขึ้น เราอยากให้ไอเดียมันชัดเจนจริงๆ ให้เรารู้ว่าคอนเซ็ปต์ใหญ่ๆ ที่เราจะเกาะไว้คืออะไร ก็เลยใช้เวลานิดนึง
Lovephobia เพราะความรักมันน่ากลัว
mints : โจทย์แรกเลยคือเราอยากได้เพลงแบบ “งานพรอม” เหมือนหนังฝรั่งที่มันจะมีเพลงงานพรอมไนท์ แล้ว “อัด” อยากจะทำเพลงที่มีบรรยากาศเป็นแบบนี้ จริงๆ เพลงนี้ก็ไม่ใช่เพลงแรกที่เราเริ่มทำด้วย แต่พอเพลงนี้เสร็จ ทีมงานได้ฟังทุกคนรู้สึกเซอร์ไพรส์กว่า เลยเป็นเพลงนี้ วิธีทำงานที่เปลี่ยนไปคือ “ตน” จะร้องอัดมาพร้อมเมโลดี้เลย ปกติเราจะฮัมเมโลดี้อย่างเดียว พอตนอัดร้องไป แล้วพี่ยิ้มลองฟังเขาก็รู้สึกว่ามันน่าสนใจถ้า mints จะร้องทั้ง 2 คน ก็เลยลองดู จนเพลงนี้กลายเป็นเพลงร้อง 2 คน ทำให้เนื้อหามาทีหลัง ก็เป็นช่วงที่ตนเจอปัญหาอะไรแบบนี้ แล้วความรู้สึกมันเหมือนวนลูปไม่ไปไหนสักที จะเริ่มใหม่ก็กลัว จนพี่ยิ้มกับพี่อัดก็บอกว่ามึงจะกลัวอะไรกับความรักก็แค่เริ่มใหม่ มันขัดกันอยู่ ก็เลยเป็นที่มาของการร้องสองคน เป็นการนำเสนอแบบ 2 คาแร็กเตอร์ ในเพลงไปเลยเหมือนคุยกันไปกันมา ก็เลยกลายมาเป็นเพลงนี้ จริงๆ ชื่อเพลงก็เป็นเรื่องที่เราคุยกันนานนะ เพราะเนื้อเรื่องมันเป็น 2 คนเล่า แต่ใจความเดียว มันทำให้ถ้าหยิบชื่อเพลงจากในเนื้อเพลงมา ภาษามันจะเอียงไปทางใดทางหนึ่งไม่ได้ครอบคลุมทั้งหมด เราก็เลยได้คำว่า Lovephobia ขึ้นมา ใช้คำที่ไม่เกี่ยวกับเนื้อเพลง แต่บอกได้หมดทุกอย่าง ซึ่งนี่ก็เป็นสิ่งที่เราทำเหมือนกัน

เสียงร้องออโต้จูนครั้งแรกของ mints
ตน : เพลงนี้ผมอยากได้คาแร็กเตอร์เสียงออโต้จูนที่อยู่กึ่งกลางระหว่างแบบ Hip Hop กับแบบที่เขาใช้ปรับเสียงกันปกติ ไม่มากไปน้อยไป เราตั้งใจให้ออกมาเป็นแบบนี้ เพราะฉะนั้นมันจะมีความผิดพลาดแบบที่เราตั้งใจให้ผิดเลย
อัด : ซึ่งหาจุดที่พอดียากมาก ใช้เวลานานมากกว่าจะหาเจอสิ่งนี้ ตอนแรกฟังมา ฟังไม่ได้เลยนะ ต้องหาจุดที่มันแบบโอเค ก็ใช้เวลานานจริงๆ
ตน : แล้วผมแอบกังวลเพราะผมร้องเพลงนี้เพลงแรก แล้วใช้ออโต้จูน แต่ถ้าเราเข้มแข็งในจุดยืนของเราก็ไม่เป็นไร ต้องลองดู ส่วนในพาร์ทกีตาร์ที่เป็นแจ๊ซจะเป็น HONN_100 คือพี่เขาเป็นเพื่อนพี่ยิ้ม (วงสมเกียรติ) ก็มาช่วยอัดกีตาร์เพลงนี้ ตอนที่ผมไม่ว่าง ดังนั้นในเพลงก็จะมีไลน์กีตาร์เพียบเลย ทั้งอะคูสติกกับไฟฟ้า แล้วคอนเซ็ปต์เหมือนออโต้จูน คือเราอยากได้ซาวด์กีตาร์ที่ไม่เพราะเกินไป ไม่ดิบเกินไป ทำให้ซาวด์มันแปลกๆ เล็กน้อย ซึ่งตอนเล่นสดผมดีไซน์เตรียมไว้แล้ว (ยิ้ม)

ประสบการณ์จาก EP memos
อัด : มันเปลี่ยนชีวิตผมนะ จากคนที่ไม่เคยร้องเพลงจริงจัง ไม่ได้เป็นนักดนตรี แล้วเพิ่งมาเริ่มตอน ประมาณ 2017 การได้มีโอกาสขึ้นเวทีใหญ่ๆ หรืองานเล็กๆ ก็ตาม จากคนที่กลัวเวทีมาก พอเราได้ขึ้นเวทีบ่อยขึ้นได้เจอคนดู เจอศิลปิน ทำให้เรียนรู้การใช้ชีวิตในวงการนี้ มันต้องพัฒนาตัวเองตลอดเวลา ไม่ใช่พอเป็นศิลปินแล้ว ไม่เรียนรู้ สุดท้ายมันก็จะหายไป ผมจะเป็นคนนอยด์ง่ายมาก เครียดง่ายมาก เรารู้สึกพยายามแต่มันไม่ดีหรือเราไม่เหมาะกับตรงนี้แล้ว ผมจะมีความรู้สึกแบนนี้เรื่อยๆ แต่พอเรามองย้อนไปวันแรกเราก็รู้สึกว่า เออ การมาถึงตรงนี้มันก็ไกลมากแล้วนะ ก็เลยพยายามบอกตัวเองให้สู่ต่อ เรามาไกลมากแล้ว เรารู้จักที่จะให้กำลังใจตัวเองมากขึ้น และต้องไม่ยอมแพ้ ต้องดำเนินต่อไป เราต้องดีขึ้น ผมก็จะใช้วิธีคิดแบบนี้ช่วยได้
ตน : เอาจริงๆ ตอนนี้ก็ยังไม่ได้เก่ง แต่เรามีประสบการณ์มากขึ้น เรายังรู้สึกว่าต้องเรียนรู้อะไรใหม่ๆ ตลอดเวลา เรายังไม่สามารถดีไซน์โชว์ได้ ต้องเรียนรู้กันต่อไป

ฟังเพลงเพื่อตั้งคำถาม
ตน : เมือก่อนผมจะฟังเพลงพวกอย่าง Hip Hop อย่าง Frank Ocean หรืออะไรทำนองนี้แล้วรู้สึกว่า เออ ไม่ใช่ว่ะ หรือไม่ก็ เออ…มันก็เพราะดีนะ อะไรทำนองนี้ แค่นั้น แต่พอเรามีประสบการณ์มากขึ้น เราจะเกิดการตั้งคำถาม ทำไมมันร้องแบบนี้วะ วิธีคิดมันคืออะไร ทำไมมันคิดแบบนี้ได้ มันฟังแล้วสนุกต่างออกไป เราจะเริ่มตั้งคำถามในเพลงต่างๆ ได้มากขึ้น
อัด : อย่างของผมจะอินพวกเสียงร้องอย่างที่ผมเคยสัมภาษณ์ว่าผมชอบ Daniel Caesars หลังๆ มา ผมจะเริ่มฟังแล้ววิเคราะห์มากขึ้นวิธีที่เขาร้อง ฟังเพลงบิลบอร์ด หรือ อย่าง Sam Smith ผมก็ฟังเยอะมาก ผมอยากรู้วิธีการร้องแบบเขา รู้สึกสงสัยในเทคนิคการร้อง
ตน : ซึ่งในอนาคตพี่อัดก็จะเต้นแบบ Sam Smith (หัวเราะ)
อัด : โอโห ไม่ไหวนะ คุณแม่เล่นใส่ส้นสูงแล้ว (หัวเราะ)
ขอขอบคุณ : เฟิร์ส, วิ ค่าย What The Duck ที่อำนวยความสะดวกในการสัมภาษณ์ครับ



































