นี่คือนักร้องที่มีเสียงเอกลักษณ์มากที่สุดในวงการเพลงบ้านเรา ใครที่ติดตามเขามาตั้งแต่ต้นแค่ขึ้นเสียงมาเราก็ทราบได้ทันทีว่าเป็นเสียงของเขาคนนี้ ปราโมทย์ วิเลปะนะ ชายที่มีเสียงที่สะดุดหูตั้งแต่โน้ตตัวแรก กับภาษาในเพลง แต่เขาคนนี้ก็เฟดออกจากวงการไปสักพักนึง และในที่สุดเขาก็กลับมาพร้อมเพลงใหม่อย่าง Move On ภายใต้การทำงานร่วมกับ Khaosan Entertainment ซึ่งเรื่องราวของศิลปินผู้นี้มีอะไรให้น่าติดตามมากมาย ศิลปินที่มีเพลงฮิตไม่น้อยหน้าใคร ทุกคนสามารถร้องเพลง ทุกคนรู้จักเพลงของเขา แต่ไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร มันเพราะอะไร มาพูดคุยกัน
การกลับมาของของ ปราโมทย์ วิเลปะนะ
ปราโมทย์ : ก่อนหน้าที่ผมจะกลับมาอยู่กับ Khaosan Entertainment ผมก็ทำเพลงเรื่อยๆ เอาใจแฟนคลับ แล้วก็ให้ตัวเองยังพอมีชื่ออยู่ในวงการดนตรี แต่เราก็ไม่ได้ทำจริงจังมากมาย จนมาตอนนี้เราก็เข้ามาอยู่ในค่ายแล้ว กับเพลงที่ชื่อ Move On ในรอบประมาณ 3 ปี ก่อนหน้านั้นก็ไปทำธุรกิจเจ๊ง (หัวเราะ) ก็อยากบอกเป็นเกร็ดความรู้ว่าถ้าเราไม่ถนัดอะไรอย่าไปฝืน (หัวเราะ) ก็เลยคิดว่าสิ่งที่ผมทำได้ดีที่สุดก็คือการได้แต่งเพลง ร้องเพลง อยู่ในวงการดนตรีนี่แหละ
Move On เสียงที่ทุกคนคิดถึง
ปราโมทย์ : อย่างที่บอกว่าก่อนหน้านี้ผมมีเพลงของตัวเองอยู่บ้าง อย่างที่ทำกับพี่ต้น สุวัธชัย สุทธิรัตน์ ในเพลงล้ำเส้น แต่พอเรามาอยู่ค่าย ก็เริ่มทำเพลงใหม่ โดยเพลงนี้ได้ คุณต้อง วงพริกไทย ทำเพลงมาให้ ฟังแล้วผมชอบเลย มันใกล้กับผมมาก ทำให้ย้อนไปถึงเพลง “ไม่เป็นอะไร” เนื้อหาคล้ายๆ กันแต่ใช้คำที่ทันสมัยกว่า เนื้อหากล่าวถึงคนคนนึงที่เสียสละเพราะรู้ว่าความรักจะไปได้ไม่ไกล แล้วคิดว่าคนรักควรจะไปในที่ๆ ดีกว่านี้ ไม่อยากฉุดคนที่รักลงมา ให้เขาได้เจอคนที่ดีกว่า ก็เลยต้อง Move On ไปข้างหน้า แล้วเราเป็นคนถอย เสียสละให้คนที่รักไปเจออะไรดีๆ ผมว่าสถานการณ์นี้น่าจะโดนใจหลายคน ดูจากคอมเมนต์ใน Youtube ก็เหมือนกับหลายคนเจอเรื่องราวแบบนี้ ซึ่งมันยากมากที่จะถอยออกมา จริงๆ คำว่า Move On ผมก็เขินๆ ที่จะร้องนะ มันดูวัยรุ่นไปหน่อย (หัวเราะ) แต่พอลองดูก็โอเค ซึ่งเพลงก็เสียงสูงมาอีกแล้ว (หัวเราะ) แต่ก็ดีครับเราจะได้ท้าทายตัวเอง และพัฒนาตัวเองด้วย แล้วตัวดนตรีเป็นบัลลาดแบบ กึ่ง K Pop กึ่งเพลงญี่ปุ่นหน่อย
ฟีดแบ็คที่ดี
ปราโมทย์ : เราเข้าไปดูฟีดแบ็กเรารู้สึกดีใจมากนะ ที่กลับมาแล้วได้กระแสตอบรับขนาดนี้ แล้วยอดวิวหลักล้านกับยุคนี้มันยากอยู่นะ เพราะต้องใช้พลังของสื่อพอสมควร ก็ไปดูบางคอมเมนต์ ผมก็แคปเก็บไว้นะ เช่นฟังเพลงนี้น้ำตาไหลทุกครั้งแต่ก็อยากฟัง เวลาขับรถอย่างฟังเพลงนี้เพราะรถมีแต่ที่ปัดน้ำฝน ไม่มีที่ปัดน้ำตา (หัวเราะ) เดี๋ยวผมจะเอามาทำเพลงต่อไป (หัวเราะ) ซึ่งผมนึกไม่ถึงว่าเรากลับมาแล้วทุกคนจะตอบรับดีขนาดนี้
รู้จัก ปราโมทย์ วิเลปะนะ ให้มากขึ้น
ปราโมทย์ : ถ้าย้อนกลับไปจริงๆ ผมอยากเป็นนักแต่งเพลง เริ่มจากอยากเป็นมือกีตาร์แต่เล่นแบบก๊องแก๊งมาก เลยเปลี่ยนใจเราเล่นไม่เก่ง เล่นได้แบบคอร์ดทั่วไปไว้แต่งเพลง พอเรามาเป็นเบื้องหลังได้เขียนเพลง เราก็ไปให้อาจารย์ผาเรือง ยั่งยืน ที่เป็นเพื่อนของพี่ต้น สุวัธชัย สุทธิรัตน์ เป็นคนช่วยสอน ผมจะเข้าไปสั่งฟังเวลาเขาวิจารณ์การเขียนเพลงกัน อย่างพี่ชมพู ฟรุ้ตตี้ อะไรแบบนี้ เราไปแอบลักจำเอาจนเรามาแต่งเพลง “แค่บอกว่ารักเธอ” จริงๆ เพลงนี้เป็นเพลงประกวด กับวงรุ่นน้องซึ่งก็คือหมีพูห์ เราแค่ทำเพลงประกวด แต่เพลงมันดันทำงานได้แบบมหัศจรรย์มาก เพราะเพลงมันมีแค่ 5-6 คอร์ด แล้วผมก็ทำได้อยู่แค่นั้น ต้องให้น้องๆ ที่วงช่วยเรียบเรียง เราออกเพลงตอนปี พ.ศ.2542 แต่เพลงมาดังตอนปี พ.ศ.2544–45 ยุคนั้นเราเช็กฟีดแบ็ค ด้วยการที่ไปตามผับ ตามร้านอาหาร ว่าเปิดเพลง หรือเล่นเพลงเราหรือเปล่า ซึ่งกลายเป็นว่าทุกที่เวลาผับเลิกจะเปิดเพลงนี้ แล้วก็จะมีคลื่นวิทยุที่เปิดบ้าง ส่วนทีวีเลิกคิดเลยไม่มีแน่นอน เราก็จะได้ไปออกงานตามอีเว้นท์คลื่นวิทยุ ช่วงนั้นผมเลยได้เจอพี่บี Angel กับแอ็นท์ Emotion Town ที่ทัวร์กับผม เพราะพวกนี้ก็ปล่อยเพลงไล่ๆ กัน ก็เจอผ่านๆ กันตามงาน จนกลายมาเป็นเพื่อนกันถึงทุกวันนี้ เราก็ทำงานอยู่ด้วยกัน ตอนที่เพลงแค่บอกว่ารักเธอ ทุกคนเล่นผมไปนั่งฟังที่ผับ ผมภูมิใจมากนะ แต่ไม่มีใครจำผมได้อยู่แล้วตอนนั้น (หัวเราะ)
เมื่อคนเบื้องหลังต้องมาอยู่เบื้องหน้า
ปราโมทย์ : อย่างที่บอกว่าผมตั้งใจที่จะเป็นคนเบื้องหลังเป็นนักแต่งเพลง แต่ทุกอย่าง โชคชะตา มันกำหนดให้ผมต้องเป็นเบื้องหน้า เลยเกิดเป็นอัลบั้ม โมทย์ : ร้องนำ ซึ่งชื่อนี้พี่ที่เป็น MD ของ Sony Music ตอนนั้นคิดให้ เพราะเราอยากเป็นเบื้องหลังแต่เสียงร้องขอเรานำมาก่อน แล้วก็มีเพลงคืนที่ดาวเต็มฟ้า ซึ่งเพลงนี้มันก็เหมือนตอนหมีพูห์ เพลงดันไปติดชาร์ตหลายคลื่น จากนั้นมาก็อย่างที่เห็นคือผมก็มีการเปลี่ยนค่ายค่อนข้างบ่อย แล้วสิ่งที่ยังคงเหมือนเดิมก็คือทุกคนจำหน้าผมไม่ได้ คือเรื่องนี้ไม่ใช่ไม่มีคนช่วยนะครับ แต่ผมดื้อเอง (หัวเราะ) ผมเป็นคนขี้อาย เขาให้ทำอะไรก็ไม่กล้าทำ ให้ถ่ายรูปมุมไหนก็ไม่ทำ คือถ้าผมฝึกเต้นด้วยป่านนี้อาจจะดังกว่านี้ไปแล้ว (หัวเราะ) ตอนนี้ไม่ทันแล้วเดี๋ยวกระดูกพรุน (หัวเราะ) พูดตรงๆ ว่าทุกๆ ที่ ทุกคนเขาดันผมเต็มที่ แต่ใจผมไม่อยากเป็นนักร้อง ยังอยากอยู่เบื้องหลัง ตอนที่ผมไปอยู่ค่ายใหญ่ๆ ผมก็ไปเป็นทีมทำเพลงนะ แต่ก็ได้เขียนแต่เพลงหน้า B เพราะเขาก็จะมีคนเก่งๆ คอยเขียนเพลงฮิตๆ อยู่
นักร้องแห่งยุคเทปผี ซีดีเถื่อน ตัวจริง
ปราโมทย์ : ผมคือนักร้องของยุคนี้เลยแหละ (หัวเราะ) ผมยังไปซื้อแผ่นเถื่อนที่ต่างจังหวัดมาฟังเลย คือมันเป็นยุค MP3 ยุคแรกๆ ที่เข้ามา มามากจนของลิขสิทธิ์ไม่สามารถเข้าถึงผู้คนได้ ผมพูดจริงๆ ว่าช่วงนั้น เพลงผมน่าจะอยู่อันดับต้นๆ ของแผ่นพวกนี้ ถ้าจำไม่ผิดตอน Bodyslam ยังอยู่รองๆ ผมเลยนะยุคนั้น เพราะเขาก็เพิ่งมา คือถ้าเก็บลิขสิทธิ์จริงจัง ผมรวยเลยว่าง่ายๆ ผมเสียดายมาก ตอนนั้นวางขายแบบแผ่นปราโมทย์ 5 บาท มันเสียดายมาก มูลค่ามันหายไปเยอะมาก ยิ่งค่ายเพลงเสียผลประโยชน์เยอะมากกว่าเรา ทุกคนโดนหมด
การเฟดออกจากวงการ
ปราโมทย์ : ก็ตอนเพลงดังเวลาคนมาดูผมโชว์เสร็จ คนก็ค่อยๆ หายไป (หัวเราะ) เพราะอย่างที่บอกผมขี้อาย แล้วเวลาไปโชว์ผมก็ไม่ค่อยเอนเตอร์เทนนะ เพลงเร็วก็ให้มือกีตาร์ร้อง ผมก็จะร้องแต่เพลงช้าๆ กับเพลงกลางๆ จนเริ่มมีคนติมาเยอะๆ ก็รู้สึกว่าหรือเราไม่เหมาะกับการเป็นนักร้องแล้ววะ ลองไปทำอย่างอื่นดูดีกว่า ซึ่งก็สุดยอดมาก เจ๊งหมด (หัวเราะ) แต่ตอนนี้ผมโอเคแล้ว คือพอผมได้กลับมาอยู่กับเพื่อนๆ ไปดูพวกเขาโชว์มันทำให้ผมรู้ว่าการเป็นศิลปินเราต้องมั่นใจในตัวเอง ตัวเองทำได้ ซึ่งผมก็ต้องขอบคุณพี่บีกับแอ็นท์เหมือนกัน ที่เป็นส่วนช่วยให้เราได้กลับมา
ข้อคิดจาก ปราโมทย์ วิเลปะนะ
ปราโมทย์ : ผมว่าน้องๆ ทุกคนที่ทำเพลงเก่งหมดนะครับ แต่เราต้องหาตัวเองให้เจอก่อนว่าเราชอบแบบไหน อย่าไปฝืน พอเรารู้ว่าเราชอบแบบไหนก็พยายามศึกษาคนที่เก่งๆ หลักๆ อันดับหนึ่งเลยคือการฟัง การซ้อมเป็นอันดับสอง ซึ่งพอฟังแล้วอิน หาตัวเองเจอ เราก็ค่อยซ้อมให้เยอะๆ ไม่ว่าจะเป็นเวทีประกวด หรือ YouTube เข้าไปเลย ลองทำดูอย่าเข้าข้างตัวเอง เราจะพัฒนาได้มากขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีวันจบ แล้วก็ศึกษาทุกแนวเพลง เอาคำติชมมาพัฒนาในแต่ละจุด
แผนการและความคาดหวัง
ปราโมทย์ : ก็คิดว่ารอบนี้จะกลับมาแบบยาวๆ ครับ จะมีผลงานเรื่อยๆ แล้วเพื่อนๆ ผมอย่างพี่บี พี่แอ็นท์ ก็จะมีผลงานใหม่เหมือนกัน ส่วนความคาดหวัง เราได้ตอบแทน และขอบคุณเพื่อนๆ ที่ตามเรามาโดยตลอด แล้วก็จะทำผลงานดีเรื่อยๆ แล้วอยากให้แฟนเพลงใหม่ๆ วัยรุ่นเข้าถึงเราด้วย ก็ไม่คาดหวังมากขอแค่ทุกคนชอบก็ดีใจแล้ว ยังไงก็ติดตามผมได้ทาง Khaosan Entertainment ได้ครับ ช่วยกดไลค์กดแชร์ ด้วยนะครับ