วงดนตรีร็อคขวัญใจมหาชนอีกหนึ่งวง หลังจากที่พวกเขาขึ้นยานแม่เพื่อออกไปผจญภัยจักรวาลอันยิ่งใหญ่แห่งเสียงเพลง ด้วยการทำอัลบั้มอินเตอร์ถึง 2 ชุด ก็ถึงเวลาที่เขาจะลงจอดในดวงดาวที่คุ้นเคย กับการกลับมาทำผลงานเพลงไทย หลังจากห่างหายไปนานมาก พวกเขามาพร้อมกับดนตรีร็อคที่มีความเป็นไทย ซาวด์ดีไซน์สุดล้ำ และเสียงร้องสุดพลังลากของเฟิด หลายคนคงได้ฟังเพลง ใจหนอใจ กันไปแล้ว นี่คือเรื่องราวก่อนที่จะมีเพลงนี้ และแผนการยึดครองโลกด้วยเพลงไทยของ Slot Machine
การกลับมาทำเพลงไทยอีกครั้ง
เฟิด : จริงๆ เราวางแผนกันไว้ล่วงหน้าอยู่นานเหมือนกัน คือหลังจากอัลบั้มชุด Cell ที่มีเพลงจันทร์เจ้า เราก็ทำอัลบั้ม Rainbow ก็กะว่าจะมีเพลงเพิ่มเข้ามาใน Song List สักเพลงสองเพลง เพิ่มฐานแฟนเพลง เพราะเราคิดว่าจะหายไปทำเพลง อินเตอร์สักชุด 2 ชุด แล้วก็วางแผนว่า จบสัก 2 ชุดก็มาทำเพลงไทย ก็เลยกลับมาเป็น Single ใจหนอใจ
แก๊ก : จริงๆ เพลงนี้เป็น 1 ในเดโม่ที่เราเก็บไว้ แต่เราไม่ได้ใส่ลงไปใน Third Eye View เพราะตอนนั้นโปรดิวเซอร์ของเรารู้สึกว่าเพลงนี้ มันไม่เหมาะกับอัลบั้มนั้น ก็เลยเก็บไว้ก่อน คือมันเป็นทรงเพลงไทยแหละว่ากันตรงๆ แล้วถ้าไปรวมแล้วมันจะโดดออกมาเลย
ที่มาที่ไปของ ใจหนอใจ
เฟิด : ช่วงนั้นเป็นช่วงที่เราบ้าคลั่งการปั้นเมโลดี้ 3 หัวมานั่งคิดเมโลดี้กัน
แก๊ก : ซึ่งเป็นอะไรที่โคตรเซ็งเลยบอกตรงๆ ตีคอร์ดหาเมโลดี้ (หัวเราะ)
เฟิด : เหมือนกับเรานั่งคิดแต่เมโลดี้ ฮุค ไม่เอาท่อนอื่นเลย ท่อนนี้คือฮุค ท่อนนั้นคือฮุค แล้วเอามาประกอบกัน คือกะเอาแบบตีหัวแตกเลยล่ะว่าง่ายๆ กะว่าฮิตเปรี้ยงเลย (หัวเราะ) ซึ่งก็สนุกไปอีกแบบแหละ
แก๊ก : ปกติเราจะทำดนตรีก่อนเมโลดี้ แต่เพลงนี้เป็นเพลงแรกที่เมโลดี้มาก่อน ซึ่งตอนเป็นเดโม่เพลงนี้ชื่อ Space X
เฟิด : Elon Musk เพิ่งออกโปรเจ็กต์นี้มา (หัวเราะ)
วิทย์ : ผมว่าวิธีคิดเพลงนี้มันมีความท้าทาย อย่างตอนทำเพลงสากลก็อีกรูปแบบนึง แต่พอเราผ่านจุดนั้นมาแล้วกลับมาทำเพลงไทย ความท้าทายมันอยู่ที่ว่าจะทำยังไงให้ส่งความเป็น Slot Machine ที่คนคิดถึงกลับมาได้ ผมว่ามันท้าทายเหมือนกัน พอเราอ่านคอมเมนต์ก็รู้สึกว่าเพลงมันตอบโจทย์ มีหลายคนบอกว่าเหมือน Slot Machine ที่เคยฟัง ซึ่งเราก็อยากให้คนฟังมีอารมณ์เหมือนแบบเจอเพื่อนเก่าที่กลับมา แล้วถือของฝากกลับมาด้วย
เฟิด : ก่อนหน้าที่เราทำอัลบั้มอินเตอร์ฯ เนื้อเพลงมันจะคอนเซ็ปต์จ๋ามาก พูดเรื่องที่ยากมาก ลึกมาก จนบางทีผมก็รู้สึกว่าแต่งเรื่องอะไรวะเนี่ย ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน (หัวเราะ) พอกลับมาคราวนี้เลยรวมหัวกัน ไม่ใช่แค่ทีมเพลง แต่มีทีมงานของ Tero Music ทั้งภาค PR และ Marketing เพื่อหาแนวทางที่ชัดๆ ไปเลย จะได้ไปในทิศทางเดียวกัน คลี่คลาย เรียบง่าย มินิมอล น้อยแต่มาก คือด้วยอายุวงเราก็เป็นปีที่ 18 ก็เลยรู้สึกว่าถ้าไม่ทำตอนนี้ วงเราจะกลายเป็นวงเก่าตกขอบ ตกยุคไปเลย หรือถ้าเราค่อยๆ ปรับให้เข้ากับยุคสมัย แล้วก็อยากจะรีเฟรชตัวเองด้วย เราไม่อยากรู้สึกว่าแค่ทำๆ ไป เราอยากเหมือนตอนวัยรุ่นหัวโปกที่มีความฝัน อยากมี Single อยากแต่งเพลง เราอยากดึงความรู้สึกนั้นกลับมาด้วย
วิทย์ : คือถ้าจะเอาในรายละเอียดจริงๆ เราอยากทำเพลงที่ให้พลังงานด้วย แล้วมีความไพเราะด้วย อย่างในเชิงลึกพวกโน้ตกีตาร์ที่เราเลือกให้เป็น Tension หรือเมโลดี้โน้ตท่อนต่างๆ เราจงใจใส่ลงไป เพื่อความไพเราะในท่อนนั้นๆ รวมถึงลูก Delay ด้วย
แก๊ก : ส่วนกลองก็ได้ดริ๊งมาช่วยเรา ซึ่งก็เป็นคนที่ทัวร์อยู่กับเราอยู่แล้ว เขาก็จะเป็นคนที่ละเอียดเรื่องเสียงมากๆ แล้วมีเรื่องที่ตลกคือโปรดิวเซอร์ชาวออสเตรเลีย ที่เคยทำงานกับเราในอัลบั้มอินเตอร์ ตอนทำเพลงนี้ก็ส่งคลิปมือกลองมาแนะนำเรา ว่าลองเอาคนนี้มาเล่นสิเจ๋ง ซึ่งนั่นก็คือดริ๊งนั่นแหละ (หัวเราะ)
กับการเลือก แม็ก The Darkest Romance ในฐานะ Producer
เฟิด : เด็กมันสด (หัวเราะ) คือแม็กเขาเป็นมือขวาพี่โอ๋ ซีเปีย ตอนที่เป็นมิวสิคไดเร็คเตอร์ให้ตอนคอนเสิร์ต The First Contact เราก็เจอเค้าตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว ก็เล็งไว้แล้วว่าคนนี้เก่ง เขาไม่ใช่คนที่แบบ ได้ครับพี่ ดีครับพี่ แม็กเป็นคนแบบว่าอันไหนเขามีความรู้จริง เรารู้สึกว่าคนนี้มีของบางอย่าง แล้วพวกเราก็คล้ายๆ เขา แล้วแม็กเนี่ย มุมนึงเขาก็เกรงใจพวกเราเพราะเขาเป็นแฟนเพลงของวง แต่ในฐานะโปรดิวเซอร์ ก็มีความกล้าที่จะตัดขอบบางอย่าง แล้วให้เหตุผลที่ดีด้วย
วิทย์ : อีกอย่างคือแม็กเป็นคนที่ทำพาร์ทเนื้อร้องด้วย ซึ่งพอเวลาทำพาร์ทดนตรี เขาก็จะได้ยินทุกอย่าง แล้วเขารู้จักพวกเราดีมาก เพราะเป็นแฟนเพลงเรา คือบอกได้หมดว่าเพลงไหนอยู่แทร็คไหน เพราะฉะนั้นเวลาทำเพลง เขาจะสามารถบอกได้ว่าเพลงนี้ มันมีกลิ่นอายแบบอัลบั้มชุดนี้ ซึ่งมันดีมากที่คนทำงานตรงนี้รู้จักพวกเราจริงๆ ก็เลยค่อนข้างไว้ใจ
กับพลังเสียงของเฟิด
เฟิด : จริงๆ ผมห้ามทุกคนแล้วนะ ผมอยู่กับคำนี้มาตลอดชีวิตแล้ว “ใครจะร้องกับพี่ได้” (หัวเราะ) ผมก็เลยกังวล เฮ้ยแล้วคนฟังจะร้องได้เหรอวะ ซึ่งต้องให้เครดิต แก๊ก ด้วย ก็บอกให้ขึ้นอีกๆ ผมก็ อ่ะไม่เสียหาย ก็ลองไปก่อนเอาไม่เอาว่ากันอีกที
วิทย์ : เอาจริงๆ เทคที่ขึ้นเสียงสูงของเฟิดคือการลองของเฉยๆ มันเกิดขึ้นในห้องอัด คือเฟิดเขาร้องเรนจ์นี้ได้อยู่แล้ว เสียงนิ่ง แล้วแม็กก็ตกใจว่าร้องได้ยังไง แก๊กมันก็เลยขิงใส่เลย บอกว่า เฮ้ย ธรรมดาไป เคยเห็นเฟิดเวอร์ชั่นกลายร่าง 100 เปอร์เซ็นต์หรือเปล่า
เฟิด : แล้วแม็ก ก็บอกว่างั้นลองไหมพี่ แก๊กก็เลยทำมือแบบขอขึ้นอีก
แก๊ก : ซึ่งไม่ใช่เพลงที่สูงที่สุดนะยังได้อีก (หัวเราะ) คือเพลงนี้มันอยู่ในเรนจ์ที่เฟิดร้องได้อยู่แล้ว
วิทย์ : สำหรับผมเสียงร้องของเฟิดก็ถือเป็นกิมมิกของการกลับมาของเราเหมือนกัน อย่างที่บอกว่าเราอยากให้มีความรู้สึกเหมือนเพื่อนเก่ากลับมา ผมเลยคิดว่าเป็นลายเซ็นที่คนคิดถึง เวลาพูดถึง Slot Machine
MV แบบ Slot Machine
เฟิด : ก็ยังต้องไว้ลายหน่อย คือตอนแรกว่าจะรื้อเลยว่า เราไม่ต้องเล่าแล้วว่า เรามาจากที่อื่น แต่แค่รู้สึกว่าไม่อยากเสียดายทีหลัง ก็เลยคุยกับผู้กำกับว่าอยากให้มีความเป็น Sci-Fi นิดนึง ผู้กำกับก็เลยไปตีความ ไปตกตะกอนมา ซึ่งความเจ๋งก็คือผู้กำกับของเราคนนี้ เคยเป็นตากล้องที่เก็บภาพเบื้องหลัง ในห้องอัดตอนอัลบั้ม Rainbow ตอนนั้นเขายังเป็นน้องฝึกงานอยู่เลย ตอนนี้ใหญ่โตแล้ว (หัวเราะ) ชื่อ จั๊ก จิรัฏฐ์ สมภักดี คนนี้เก่งมากๆ แล้วเราก็ภูมิใจที่ได้เห็นเขาเติบโต เขาก็ไปตีความหมายของเพลงเป็นเนื้อเรื่อง เป็นฉากๆ เลย แล้วก็เสนอไอเดียให้ใช้นักแสดงเด็ก แล้วก็ไปถ่ายนอกสถานที่กันบ้าง เพราะครั้งสุดท้ายก็คือเพลงจันทร์เจ้า ที่ไปถ่ายกันที่วังน้ำเขียว แล้วเรากลับมาทั้งทีก็อยากใส่ Easter Egg เยอะๆ เราก็ได้สถานที่เป็นไร่ข้าวโพด เพื่อให้นึกถึงหนัง Sci-Fi มีหลายอย่างที่เป็น Easter Egg ต้องลองไปหาดู แล้วเนื้อเรื่องเป็นเรื่องของการให้กำลังใจ เลยให้ข้อแม้กับนักแสดงว่าเขาจะต้องมีภารกิจอะไรบางอย่างที่ทำร่วมกัน แล้วที่เราใช้เด็กก็เพราะอยากให้รู้สึกสดใหม่ เป็นสัญลักษณ์ของความหวัง อยากให้มีรอยยิ้ม อมยิ้มเล็กๆ อยากให้มีกำลังใจไปกับตัวละคร ที่เราใช่เด็กเป็นตัวแทน
ฟีดแบ๊คของเพลงนี้
เฟิด : ฟีดแบ๊คสำหรับเพลงนี้ คือเราตั้งใจจะให้กำลังใจ เป็นพลังงานบวก แต่กลายเป็นว่าเราได้รับกลับมาด้วย ก็เลยรู้สึกเหมือนมาถูกทาง คิดถูกที่ทำแบบนี้ มันเหมือนต่างให้ ต่างรับ แล้วมาปล่อยในวิกฤตนี้ซึ่งเราไม่ได้ตั้งใจให้มันอยู่ในช่วงที่แย่ขนาดนี้ เราก็เลยรู้สึกดีที่ปล่อยออกมาในช่วงนี้ ซึ่งเป็นช่วงที่ทุกคนต้องการกำลังใจ
วิธีการรักษาเสียงร้องของเฟิด
เฟิด : ต้องเริ่มจาก ไม่มีงานสัก 2 ปี ครับ (หัวเราะ) ไม่ได้ใช้เลย ก็เอาเรื่องจริงมาพูดให้ตลก แต่เอาจริงๆ ก็มีส่วนนะ คือผมรู้สึกว่าได้นอนเป็นเวลามากขึ้น กลับไปอยู่บ้านที่ต่างจังหวัด บรรยากาศความเครียดต่างๆ ก็ลดลง ผมว่าสุขภาพร่างกาย มันสัมพันธ์กับสุขภาพจิต เราได้พักผ่อนมากขึ้น มันไม่ได้เครียด หรือกดดัน ก็มีปัญหาให้ต้องแก้บ้าง แล้วหลักๆ ก็คือออกกำลังกาย มากขึ้นด้วย ได้มีเวลาเลือกสิ่งดีๆ ให้กับตัวเอง
ตำนานแห่งการลืมเนื้อ……..
เฟิด : ตอนไปออกรายการร้องข้ามกำแพง เขาให้ผมร้องเพลง “ไม่เคย” ซึ่งผมก็ไม่เคยร้องเหมือนกัน (หัวเราะ) เพลงเพื่อนแท้ๆ ผมกับแหลม เองเนี่ยก็โดนคนเปรียบกันบ่อยๆ นะ แล้วเพลงนี้มันก็อยู่ในเรนจ์ของคนเสียงสูงเหมือนกัน ปัญหาคือจะร้องยังไงไม่ให้เหมือนเขาจนเกินไป แต่ก็ต้องออกมาดีด้วย แล้วเราไปคิดบนเวทีไง เราก็คิดเอ๊ะ นักร้องอีกคนเป็นใครนะ แล้วจะร้องยังไงให้ออกมาดี คราวนี้เนื้อเพลงท่อนมันก็ติดกัน พอเราเงยหน้าขึ้นมา อ้าว ต้องร้องแล้วนี่หว่า ก็เลยลืม แล้วก็พูดออกไมค์ไปเลย พี่กันต์แกชอบ แกเลยบอก เอาเทคนี้ออกอากาศกูชอบ (หัวเราะ) ผมก็โอเคได้ๆ (หัวเราะ)
การกลับมารอบนี้ของ Slot Machine
เฟิด : เราก็วางไว้ว่าจะออกเป็นอัลบั้มเพลงไทยสากลนี่แหละ ซึ่งเรามีเดโม่ที่สต๊อกไว้เยอะ ที่คิดจะนำมาพัฒนาต่อ แต่เราจะไม่ได้ทำแบบ 10 เพลงแล้วค่อยปล่อย เราจะลองทดลองปล่อยเพลงเรื่อย แล้วดูว่าระหว่างทางจะเป็นยังไง จะได้ไม่เครียดมาก
วิทย์ : ตอนนี้เราก็เหมือนได้ส่งสารให้แฟนเพลงแล้วครับ ว่าเรายังทำผลงาน ยังมีการมีงานทำนะ (หัวเราะ) พูดไปจะร้องไห้ (หัวเราะ) แต่สิ่งที่เราอยาก ให้ทุกคนได้จากเราก็คือ เพลงของ Slot Machine มีมาตรฐาน แบบฟังแล้วรู้สึกว่า เออ เพลงพี่ๆ มันได้ว่ะ ไม่ว่าจะอีกกี่ปี
ฝาก “ใจหนอใจ”
เฟิด : จริงๆ เพลงนี้ผมคาดหวังที่การเล่นสดนะ อยากกลับมาเล่นดนตรีสด คือเพลงนี้ เรามองภาพตั้งแต่ตอนทำเพลงว่ามันจะเป็นเพลงใน Scale ที่ทุกคนร่วมร้อง กระโดดโลดเต้น มีพลังงาน แต่ก็ต้องอัพเดตกันวันต่อวันแหละ ก็ทำเผื่อไว้ก่อนเพราะตามสถานการณ์จริงๆ ก็ไม่รู้ว่าจะเล่นสดได้เมื่อไหร่ แต่เราก็ทำไว้ก่อน เพราะว่าเพลงก็เป็นบันทึกในประวัติศาสตร์ต่อให้มันได้เล่นอีกใน 2 ปี 5 ปี แต่มันก็ทำไว้แล้ว ก็ฝากทุกคนด้วย พวกเรากลับมาแล้ว พิมพ์คำว่า Slot Machine Rock แล้วติดตามพวกเราได้ทุกช่องทางครับ