แนะนำ/วิจารณ์/แสดงความคิดเห็น
ไม่มีถูก/ไม่มีผิด
ไม่มีเพราะ/ไม่มีไม่เพราะ
อยู่ที่ชอบหรือไม่ชอบเท่านั้น
Album Review คือความคิดเห็นส่วนบุคคล
ทุกอย่างตัดสินด้วยตัวคุณเอง
Artist : Tilly Birds
Album : It’s Gonna Be OK
Label : Gene Lab
อัลบั้มที่ 2 ของวงดนตรีมากฝีมืออย่าง Tilly Birds หลังจากที่อัลบั้มแรกอย่าง “ผู้เดียว” ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม มีทั้งเพลงฮิต ถล่มทลายด้วยยอดขาย และได้รับคำชมในแง่คุณภาพ ด้วยความสำเร็จขนาดนี้ จะสร้างความกดดัน หรือผลกระทบขนาดไหนให้ Tilly Birds คำตอบก็คือไม่มีเลย เพราะอัลบั้มที่ 2 It’s Gonna Be OK 8 เพลง ในอัลบั้มนี้ของ Tilly Birds ยังคงเข้มข้น งดงาม สร้างสรรค์ตามสไตล์ แถมมีเพลงประสบความสำเร็จไปเรียบร้อยแล้วในแง่ตัวเลข ที่เหลือก็คือโบนัส แต่เอา ล่ะไหนๆ Tilly Birds กับอัลบั้มเต็มทั้งที เรามาเจาะกันแบบ Track By Track ไปเลยว่าแจ๋วขนาดไหน
- อนุโรจน์ เกตุเลขา (เติร์ด)
- ณัฐดนัย ชูชาติ (บิลลี่)
- ธุวานนท์ ตันติวัฒนวรกุล (ไมโล)
Track By Track
เพื่อนเล่น ไม่เล่นเพื่อน (Just Being Friendly) Feat. MILLI
เรียบร้อยกวาดร้อยล้านวิว ไปก่อนเพลงอื่น เพลงที่ feat. กับ Milli ที่ช่วงนี้ร้อนแรงเกินต้าน ในเพลงที่ยิงเรื่องความสัมพันธ์แบบ Friend Zone เต็มขั้นถามกันตรงไปตรงมาว่าจะล้ำเส้นได้ไหม โดนใจวัยรุ่นแน่นอน ด้วยสไตล์ดนตรีแบบเป็นทิศทางไปป็อปสักหน่อยของ Tilly Birds เพลงนี้เซอร์ไพรส์ที่ Milli ไม่ได้สับ rap แหลกละเอียดเหมือนที่เคยทำ แต่โชว์สกิลการร้องติดอาร์แอนด์บี ทำให้เราได้เห็นความสามารถอีกด้านของสาวคนนี้ ดนตรีฟังไม่ยาก แต่รายละเอียดเยอะมาก ไลน์เสียงร้องที่ผสมเอฟเฟ็กต์เป็นเสียงประสาน ไลน์กีตาร์ ที่เพลงนี้ บิลลี่เล่นริฟฟ์แบบมินิมอล แต่เหมาะเจาะกับเพลงมาก แล้วซ่อนอยู่ในเพลงเยอะมาก ซ้าย ขวา วิ่งยุ่บยั่บไปหมด อย่างต่ำๆ น่าจะมีสัก 3 ไลน์ขึ้น เป็นเพลงที่สมกับเป็น Tilly Birds จริงๆ
ลู่วิ่ง (Can’t Keep Up)
เพลงที่ออกแบบมาให้มีความรู้สึกเหมือนชื่อเพลง คือวิ่งเป็น Loop ไปเรื่อยๆ การวิ่งตามความรักแบบไม่มีที่สิ้นสุด โดยใช้ลู่วิ่ง เป็นสัญลักษณ์ เสียงของเติร์ด กับแนวประสานแบบ Gospel ยังคงเป็นเอกลักษณ์เช่นเดิม เพลงนี้กรู๊ฟ ริฟฟ์กีตาร์ของบิลลี่ จังหวะน่าสนใจ ไลน์ไม่ซับซ้อน แต่เท่ ซาวด์ดีไซน์ที่ใช้ในแต่ละท่อนลงตัว ส่วน ไมโล อาจจะไม่ได้หวือหวา ตีประคองตามเพลง ไม่ให้เมโลดี้ต่างๆ ล้นเกินไป
เบื่อคนขี้เบื่อ (I’m Not Boring, You’re Just Bored)
หนึ่งในเพลงไฮไลท์ดนตรีของอัลบั้มนี้ เพลงสไตล์ร็อคแบบ Tilly Birds ริฟฟ์กีตาร์บนทางคอร์ดที่ดูแปลกๆ ให้อารมณ์ที่ดูน่ากลัว ไดนามิกเพลงนี้ค่อนข้างหนัก ตั้งท่อน A2 การเรียบเรียงทั้ง จังหวะการร้อง เมโลดี้ กรู๊ฟของเพลงเจ๋งมาก ได้เห็นไมโล เพิ่มไดนามิกกลองให้หนักขึ้น เติร์ดแอบร้องเต็มหลอด เป็นฟิลอินอยู่เหมือนกัน เรียกว่าเพลงนี้ การเรียบเรียง ให้คะแนนเต็มเลย แถมท้ายเพลงนี่ปล่อยฮาไป 1 ดอก ได้อารมณ์สตูดิโอจริงๆ
เดอะแบก (Baggage)
ขึ้นมาด้วยเสียงประสานแบบอาร์แอนด์บี บีทของเพลงเน้นที่ เบส แอนด์ ดรัม ที่ท่อนเริ่มจะฟังแปลกๆ หู หน่อย เหมือนบิดซาวด์ให้อู้ๆ ทึบๆ หน่อยก่อนจะเริ่มคลายให้ฟังสว่างขึ้น ตั้งแต่ช่วง Hook แรก เพลงนี้บรรยากาศของเพลงจะดูทึมๆ หน่อย ก่อนที่ช่วงท้ายๆ จะฟังสว่างมากขึ้น บรรยากาศในเพลงที่ทึมๆ แบบนี้ ไม่ค่อยมีใครทำได้ เรียกว่าเป็นความกล้าทดลองของ Tilly Birds ที่ลองทำเพลงแบบนี้ออกมา
ติดตรงที่ฉัน (It’s Not You, It’s Me)
เพลงนี้น่าสนใจตรงที่ความเรียบง่ายของเพลง เหมือนเพลงป็อป ร็อค แบบแบนด์ ที่ซาวด์แบบอะคูสติกผสมความเป็นซาวด์ดีไซน์ค่อนข้างลงตัว เพลงนี้กีตาร์ของบิลลี่ คอร์ดเพราะมาก การเลือกโน้ตร้องของเติร์ดทำได้ยอดเยี่ยมในทุกท่อน การสับโทนในการร้องของเติร์ดเพลงนี้โดดเด่น ไลน์ดนตรีไม่ได้ยุ่บยั่บ ดูเป็นธรรมชาติกว่า มีสเปซเยอะขึ้น เบสมีไลน์วอล์คสวยๆ ด้วย ความที่กรู๊ฟกลองเท่ๆ Kick แบบโยนๆ เพลงนี้น่าจะเล่นสดสนุกมือนักดนตรีเลยล่ะ
ขอให้เธอโชคดี (Send You Off)
เพลงนี้มาแบบสไตล์ร็อคตรงๆ เหมือนย้อนกลับไปช่วง Tilly Birds อินดี้ กลองที่เป็น Feel แบบ Straight 8 ตีตรงๆ กีตาร์แบบดีดลง ชอบจังหวะย้ำตอนส่งต่อท่อน เลือก Syncopate ได้ดี เป็นเพลงฟังก์ชั่นเซอร์ ของ Tilly Birds อยากรู้ว่า Tilly Bird ทำเพลงร็อคตรงๆ จะเป็นยังไง ก็น่าจะออกมาเป็นแบบนี้ เป็นเพลงเท่ๆ โยกๆ เล่นสดน่าจะสะใจ ปล่อยเซอร์กันได้เต็มเหนี่ยว
เธอไม่ได้อยู่คนเดียว (On My Shoulder)
เริ่มด้วย Picking ไลน์กีตาร์บนคอร์ดสวยๆ เสียงร้องลมๆ ของเติร์ด ต่อด้วยเสียงอะคูสติกกีตาร์ พอมาคิดดู เพลงที่เน้น Picking กีตาร์เป็นตัวยืนของ Tilly Birds เพลงนี้อาจจะเป็นเพลงที่ชัดที่สุด แต่พอคิดได้แบบนี้แป๊ปเดียว ก็เข้าท่อนซาวด์ดีไซน์ที่ให้ความรู้สึก ลอยๆ กว้างๆ เป็นความลงตัวของโลก 2 ใบ ของ Tilly Birds ความธรรมชาติผสมดิจิตอล ทำออกมาได้เยี่ยมเลยกับเพลงให้กำลังใจเพลงนี้ เหมือนมีเพื่อนคอยตบบ่ายามท้อ และดูจะเป็นเพลงที่สะท้อนคำว่า It’s Gonna Be Ok ของอัลบั้มนี้ได้ดีที่สุด
ถ้าเราเจอกันอีก (Until Then)
เพลงปิดอัลบั้มที่คอร์ดงดงามมากๆ คอร์ดมาดี ก็มีชัยไปกว่าครึ่ง เพลงนี้ค่อนข้างเศร้าทีเดียว ท่อนกลางเติมไดนามิกกีตาร์ไฟฟ้าเสียงแตก Fuzz กับกลอง ซึ่งมาได้จังหวะเหมือนกัน ทำให้เพลงไม่ดิ่งจนเกินไป ดีไซน์ซาวด์ออกมาได้ดี จริงๆ ท่อนแยกนี่ร็อคแอนด์โรลมากนึกถึงสไตล์แบบ The Beatles เลย ยอดเยี่ยมสุดๆ ขนลุกเลย ฟิลถึงซะด้วยทั้งเสียงประสาน คอร์ด ซาวด์ ฟิลลิ่ง แถมยังคงความเป็นโมเดิร์นไว้ได้อีกด้วย เสียงเติร์ดสุดยอด เพลงนี้ เป็นหนึ่งในเพลงของ Tilly Birds ที่สุดยอดเยี่ยมที่สุด ใครอยากรู้ว่า Tilly Birds ทั้ง 3 คนเรียบเรียงเพลงได้เก่งขนาดไหน มาฟังเพลงนี้ บอกเลยว่าเพลงนี้สุดๆ เพลงนี้เพลงเดียวก็สุดยอดแล้ว
เป็นอีกครั้งที่ Tilly Birds ทำผลงานคุณภาพออกมา ถ้าเทียบกับอัลบั้มผู้เดียว อัลบั้มนี้ดูมีมิติ อารมณ์ในแต่ละเพลงกว้าง และ ลึกกว่าอัลบั้มแรก อัลบั้ม It’s Gonna Be Ok แสดงถึงความเติบโตของทั้ง 3 คนชัดเจนมาก การเรียบเรียง เนื้อร้อง ดนตรี มีชั้นเชิง ประณีต เต็มไปด้วยไอเดีย ลูกเล่น กิมมิกของซาวด์ วิธีการเรียบเรียงบางอย่าง ที่ทำให้รู้สึกแบบว่า พวกเอ็งเอาแบบนี้เลยเหรอ ขอชมแบบหยาบๆ ว่า Tilly Birds แม่งสุดยอด