เรียกได้ว่ายิ่งจัดก็ยิ่งมันจริงๆสำหรับ Road to Ultra Thailand ถนนที่ทอดยาวไปสู่จักรวาลแห่งดนตรี EDM ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 4 นับตั้งแต่จัดขึ้นเป็นครั้งแรกในปี 2016 ส่วนความมันที่เหล่าดีเจระดับโลกทั้ง 7 คนได้ส่งผ่านเพลงเต้นรำร่วมสมัยที่ต่างก็มีความแตกต่างหลากหลายเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละคนก็ฟาดให้ขาแดนซ์ทั้งหลายได้เต้นตามบีทที่หวดกันแบบสุดขีดจนแดนซ์ฟลอร์สะเทือนกันแบบน็อนสต็อป ตั้งแต่บิทแรกของเพลงที่บรรเลงขึ้นในช่วงเวลาประมาณ 4 โมงเย็นของวันที่ 22 กันยายนไปจนถึงตี 1 ของวันที่ 23 กันยายน เรียกได้ว่าแฟนๆได้ขึ้นยานแม่ไปหวดกันยับแบบไม่ยอมให้ได้พักหายใจกันเลยทีเดียว
งาน Road to Ultra Thailand ยังคงไว้ซึ่งคอนเซ็ปต์อลังการงานสร้างที่สมบูรณ์แบบทุกอณูจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นสถานที่จัดที่เนรมิตให้ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค-บางนา เป็นเหมือนกับสวรรค์ของผู้ที่หลงใหลในมนต์เสน่ห์ของดนตรี EDM เพราะพื้นที่ในการจัดงานกว้างขวางแบบเหลือๆรองรับขาแดนซ์ทั้งชาวไทยและต่างชาติได้ในแบบไม่ต้องเบียดกันมาก ซึ่งก็ทำให้ทุกคนต่างก็มีพื้นที่ในการเต้นเป็นของตัวเอง
ในส่วนของระบบแสงสีหรือไลท์ติงก็เรียกได้ว่าสวยสดงดงาม ไม่ว่าจะเป็นแสงสปอตไลท์ที่สาดส่องไปทั่วทั้งงานได้อย่างพร้อมเพรียงและมีลูกเล่นชวนมองตามจังหวะดนตรีที่เร่งเร้า, แสงเลเซอร์หลากสีที่กวัดแกว่งไปมาให้ความงามเหนือแดนซ์ฟลอร์เป็นเหมือนฝืนผ้าที่ศิลปินบรรจงแต่งแต้มสีสันลงบนท้องฟ้ายามค่ำคืน และที่สำคัญที่สุดก็คือระบบเสียง (Sound System) ที่โบยตีแฟนเพลงด้วยบีทสุดหนักหน่วงให้สะเทือนไปทั่วสรรพางค์ร่างกาย
PIXZY ดีเจสาวสวยขวัญใจหนุ่มๆ ที่เดินสายไปหวดแดนซ์ฟลอร์ให้แหลกมาแล้วหลายประเทศทั่วโลกขึ้นโชว์เป็นคนแรกและก็ไม่ทำให้แฟนๆผิดหวังด้วยเพลง EDM มันๆตามแบบฉบับของเธอ ซึ่งก็ถือเป็นการอุ่นเครื่องให้ครั้งที่ 4 ของยานแม่งาน Road to Ultra Thailand เริ่มทะยานขึ้นสู่จักรวาลแห่งดนตรีเต้นรำร่วมสมัยได้เป็นอย่างดี เช่นเดียวกับTong Apollo ดีเจและ YouTuber สายดนตรี EDM ชาวไทยที่ขึ้นโชว์เป็นคนที่ 2 ที่ทักษะในการเปิดเพลงต่อบีทดนตรีแดนซ์แนว อิเล็กทรอนิกส์ เฮาส์ ไปจนถึง เทคโน ของเขาโดดเด่นไม่แพ้ดีเจต่างชาติเลย
MYKRIS เรสซิเดนดีเจหรือดีเจประจำงาน Road to Ultra มาพร้อมกับเซ็ตเพลง EDM ในแนว โปรเกรสซีฟ เฮาส์, แทรนซ์ และ เทคโน ที่เต็มไปด้วยบีทที่หนักหน่วง มาถึงตอนนี้เครื่องของลูกยานทุกคนเริ่มติดไฟแล้วและแดนซ์กันไฟลุกจริงๆกับเซ็ทเพลงของดีเจ แฟรงค์ วอล์คเกอร์ โดยดนตรี EDM ที่เขาเปิดเน้นเมโลดีที่สวยงามแต่ก็อัดแน่นไปด้วยขุมพลังจากบีทที่หนักหน่วง การไล่ระดับ BPM หรือจังหวะเพลงที่ค่อยๆเพิ่มความรวดเร็วขึ้นเรื่อยๆด้วยจังหวะดนตรี อิเล็กโทร, เฮาส์, แทรนซ์, ไมอามี เบส ไปจนถึง เบรก บีท สะกดให้ทุกคนอยู่ในภวังค์ความสนุกตั้งแต่บีทแรกจนบีทสุดท้ายจริงๆ
GRYFFIN ดีเจหนุ่มชาวอเมริกันที่สร้างชื่อจากการรีมิกซ์เพลง Talking Body ของ Tove Lo, Desire ของ Years & Years และอีกหลายเพลงสร้างความหฤหรรษ์ให้กับร่างของแฟนๆทุกคนด้วยเซ็ตดนตรี EDM สุดเร่งเร้าด้วยดนตรี อิเล็กโทร เฮาส์, ฟิวเจอร์ เบส, ดีป เฮาส์ ไปจนถึง ดรัม แอนด์ เบส ที่คุมจังหวะได้อยู่หมัดในทุกเพลง ซึ่งแน่นอนว่าแฟนเพลงก็ได้เต้นไปตามจังหวะเพลงฮิตของเขาอย่าง Feel Good, Body Back, Cry, Winnebago และที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ Woke Up in Love
อลัน วอล์คเกอร์ สุดยอดดีเจขวัญใจแฟนๆชาวไทยได้คัมแบ็คกลับมาเยือนสยามเมืองยิ้มอีกครั้งด้วยเซ็ตเพลงที่ยอดเยี่ยมสมกับเป็นดีเจอันดับต้นๆของโลก อลัน วอล์คเกอร์ เลื่องชื่อลือชาอย่างยิ่งในการพาทุกยานแม่ในวงการ EDM ไปยังสุดขอบจักรวาลมาแล้ว ความไม่ธรรมดาที่ดีเจคนนี้มีมาตลอดก็คือการการนำดนตรีเต้นรำ โอลด์ สคูล จากยุค 90 อย่าง อิเล็กโทร ป็อป, อิเล็กโทร เฮาส์, มาผสมผสานกับดนตรีเต้นรำแบบ นิว สคูล อย่าง ฟิวเจอร์ เบส, แทรป (Trap) ไปจนถึง Moombahton ที่นำจังหวะดนตรีเรกเก้มามิกซ์กับดนตรี เฮาส์ ซึ่งนอกจากเพลงของศิลปินหลากหลายแนวที่นำมามิกซ์เข้าไว้ด้วยกันได้แบบเทพสุดๆแล้ว อลัน วอล์คเกอร์ ก็ยังนำเพลงฮิตของตัวเองอย่าง Alone, Tired, Darkside, The Spectre, Endless Summer, Time สกอร์ประกอบหนังเรื่อง Inception ของ ฮานส์ ซิมเมอร์ เวอร์ชั่นรีมิกซ์สุดอลังการและที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ Faded หนึ่งในเพลง EDM ที่ถูกสตรีมมากที่สุดในโลก
ปิดท้ายกันด้วยโชว์สุดที่ฟาดยับตั้งแต่เพลงแรกจนถึงเพลงสุดท้ายของ ZEDD ดีเจหนุ่มซุปตาร์ชาวเยอรมันที่ได้รับการยกย่องว่าเปิดเพลงแนว โปรเกรสซีฟ เฮาส์ ได้ดีที่สุดคนนึงของวงการ แต่ดนตรี EDM แนวอื่นๆที่ ZEDD นำมามิกซ์ก็นับได้ว่ากลมกลืนกันได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจจริงๆไม่ว่าจะเป็น แดนซ์ ป็อป, ฟิวเจอร์ เบส ไปจนถึง Compelxto ซึ่งเป็นดนตรี EDM ที่เน้นเบสอันหนักหน่วงและมีบีทที่ค่อนข้างเร็ว โชว์ของ ZEDD ไม่ต่างไปจากการนำยานแม่วาร์ปทะลุไปยังจักรวาลอื่น โดยมีจังหวะดนตรีที่เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์และเมโลดีในแบบดนตรีป็อปเพราะเป็นเหมือนดวงดาวต่างๆส่องแสงเจิดจรัสและทำให้แดนซ์ฟลอร์ลุกเป็นไฟด้วย อัตราเร่งของจังหวะยานที่เคลื่อนที่ไปข้างหน้าด้วยความเร็วเหนือเสียง เรียกได้ว่าล้ำสุดๆและโชว์ของเขาโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงท้ายๆที่ทำเอาแฟนๆกระโดดกันแบบไม่มีพักเลย
งาน Road to Ultra Thailand ครั้งที่ 4 ปิดฉากได้อย่างสวยงาม ความสนุกของงานทำให้ขาแดนซ์แทบไม่อยากลงจากยานแม่ที่ท้ายที่สุดแล้วก็ต้องกลับมายังโลกเหมือนเดิม หลังจากที่ท่องจักรวาลแห่งดนตรี EDM ไปไม่รู้กี่กาแลกซี่ แต่ความสนุกและความมันไม่จบลงแค่ในครั้งนี้แน่นอน เพราะในเมื่อเราเดินทางบนถนนที่ทอดยาวไปสู่งาน Ultra มาแล้วหลายครั้ง ในตอนนี้เราได้เดินทางใกล้ที่จะถึงงาน Ultra Music Festival จริงๆแล้ว เชื่อได้ว่าอีกไม่นานเกินรอ