นักร้อง / มือกีตาร์ / มือกลอง / Music Producer / Headbanger / ว่าที่ Influencer สายท่องเที่ยว และตำแหน่งใหม่อย่าง Senior Artist & Repertoire Manager (Artist Services) ที่ Believe Digital Thailand ที่ชื่อว่า BEEEF พื้นที่อิสระเพื่อศิลปินอิสระ บริการด้านการทำการตลาดดิจิทัลและการจัดจำหน่ายมิวสิคสตรีมมิ่ง สำหรับศิลปินอินดี้ไทยโดยเฉพาะ เกริ่นซะยาวนี่คือเรื่องราวของ “อู๋ ยศทร บุญญธนาภิวัฒน์” กับเส้นทางใหม่จริงๆ ของเขาอีกครั้งหลังจากที่ประกาศยุติบทบาทของ The Yers
นั่นคือหน้าที่การงานของ อู๋ ในปัจจุบัน หากแต่ในฐานะศิลปิน เราคงต้องเรียกเขาว่า “อู๋ Torrayot” อย่างเป็นทางการ จากจุดเริ่มที่ต้องการทำเพลงเพื่อนำเสนออีกด้านของตัวเองในดนตรีที่ต่างจาก The Yers (และนำเสนอ Effect กีตาร์แบบใหม่ๆ) ณ เวลานี้ นี่คือโปรเจ็กต์ หลักแล้ว เพราะไปๆ มาๆ ก็เดินทางมาถึงอัลบั้มที่ 3 ที่ชื่อว่า Feed You With Mourn เรียบร้อย เราจะมาพูดคุยกับเขาในอัลบั้มนี้ ผู้ส่งสารแห่งความมืดที่จะนำทางเราบนเส้นทางที่มืดมิด กับศิลปะที่อันงดงามของสีดำ มาพูดคุยกับเขากันเลย
ถามกันแบบตรงๆ สไตล์ The Guitar Mag เอฟเฟ็กต์กีตาร์ตัวไหนที่ทำให้เกิดอัลบั้มนี้
อู๋ : (หัวเราะ) เยอะมากครับ มันมีช่วงที่ผมไปเที่ยวอเมริกา 2 เดือน แล้วซื้อของมาเยอะมาก เริ่มจากผมจะติดตาม Reverb.com ซึ่งมีแต่ของโหดๆ แล้วพอไปอยู่อเมริกา มันสั่งซื้อได้ง่ายมาก ผมใช้วิธีเดินเข้าไปร้านเครื่องดนตรีที่นั่น ไปลอง เดินออกมา แล้วเข้า เว็ปนี้เพื่อสั่งมือ 2 (หัวเราะ) ก็สั่ง Fuzz / Reverb / Modulation ที่มัน เพี้ยนแล้วคนไม่ใช้กัน ของพวกนี้มันให้แรงบันดาลใจผมในการทำเพลงในทุกอัลบั้ม เอาจริงๆ ตั้งแต่ The Yers หรือ Torrayot ก็ตามที แต่เอาจริงมันก็มีเรื่องราวที่เราอยากเล่าด้วย ก็ผสมๆ กันครับ
ถ้าพูดในมุมดนตรี ภาพรวมของอัลบั้ม เหมือน อู๋ อยากจะเอา Metal กับ Shoegaze มารวมกัน ซึ่งอัลบั้มนี้ดูชัดเจนมากขึ้น
อู๋ : ใช่ครับ ก่อนหน้านี้ผมไม่ได้ให้คำจำกัดความในดนตรีของ Torrayot มาก่อน พอทำอัลบั้มนี้แล้วมันน่าจะต้องมีคำจำกัดความได้ง่ายมาก ผมเลยนึกถึงคำว่า “Metalgaze” ขึ้นมา ซึ่งแนวทางนี้มันไม่ได้มีเป็นกิจจะลักษณะขนาดนั้น แต่ว่ามันมีคนทีทำ Playlist สไตล์นี้ขึ้นมา ซึ่งจะมีวงอย่าง Deftones ถ้าเอาแบบที่เรารู้จัก คือ เป็นสไตล์แบบนี้ หรืออย่าง Deafheaven ที่เล่น Black Metal ผสม Shoegaze แล้วฐานคนฟังมันเพิ่มขึ้น มันเป็น 2 โลกดนตรีที่ผมชอบครับ โลกนึงเป็น Metal อย่างพวก Doom Metal / Black Metal / Stoner กับโลกของ Shoegaze / Dream Pop ซึ่งผมเลือกอย่างใดอย่างนึงไม่ได้ เลยนำทั้งหมดมารวมกันเท่าที่ผมจะทำได้ มันก็ต้องหาทางผสมกันให้ได้ แล้วอยากให้ซาวด์ของ Torrayot มันหาที่ลงไม่ได้ (หัวเราะ) เราอยากให้เพลงของเราอยู่ในหมวดหมู่ที่มันงงๆ หน่อย อย่างน้อยก็ในเมืองไทย
ลองมาพูดถึงเพลงในอัลบั้มนี้กันดีกว่า กับความหมายของชื่ออัลบั้ม Feed You With Mourn
อู๋ : ก็ตามคำแปลครับ เราจะป้อนคุณด้วยความโศกเศร้า ทุกข์ระทม ผมรู้สึกว่า ความทุกข์ ความเศร้า ยังเป็นอาหารที่มีประโยชน์ต่อชีวิตคนอยู่ ผมไม่ได้หมายความว่าการมองโลกในแง่ดี เป็นเรื่องไม่ดีนะ แต่ถ้าเรามองจุดนั้น จุดเดียว แล้วเราไม่มองว่าโลกความจริงมีทั้ง ทุกข์และสุข ผสมกัน ความทุกข์ที่ผมสื่อสารออกไป น่าจะเป็นเครื่องเตือนใจ ทำให้มีสติในการใช้ชีวิตได้ มันเป็นอัลบั้ม ธรรมะเลยนะ มันเป็นอัลบั้มที่ทุกคำพูด ทุกสิ่ง ทุกอย่างที่ออกจากตัวผม มันยึดกับหลักศาสนาที่ผมเชื่อ และผมจะไม่ทำให้ขัดแย้งกับสิ่งที่ผมเชื่อ แม้แต่ 0.01%
Meet The Mourn
The Vengeful
มันเริ่มจากผมได้เอฟเฟ็กต์กีตาร์มาตัวนึงชื่อว่า ROOMS ของ Death By Audio มันเป็นก้อน Reverb ที่มีอะไรบ้าๆ บอๆ อยู่เยอะมาก ผมหมุนไปเรื่อยจนได้ซาวด์แล้วก็เล่นริฟฟ์นี้ขึ้นมา แล้วตอนนั้นผมชอบวงดนตรีที่ชื่อว่า All Them Witches มันมีเพลง ที่ช้าเนิบๆ ฟิลแบบเดินในสุสาน ผมอยากได้มู้ดเพลงแบบนั้น แล้วยัดความเป็น Death / Black Metal เข้าไปในช่วงท้ายๆ มี Blast Beat อันนี้เป็นส่วนของดนตรี ส่วนเนื้อหาก็เกี่ยวกับ การอาฆาตพยาบาทคนที่มาว่าร้ายผมมากๆ แล้วความรู้สึกมันไม่ทีทางกลับคืนมาได้ เราอยากภาวนาให้ตำสาปนี้มันอยู่ในหัวสมองของเขา ในทุกค่ำคืนที่เขาหลับนอนฟังดูโหดร้ายนะ แต่มันคือการล้างแค้นที่ไม่สร้างความเจ็บช้ำให้ใคร ภาวนาอย่างเดียว ส่วนจุดเด่นที่เป็นเสียงสแนร์ ก็เป็นของ Joey Jordison Signature ผมก็จูนให้ตึงที่สุดเท่าที่จะทำได้แค่นั้นเลย
A Hundredth Corpse
เพลงนี้ผมปลื้มใจ ตื้นตันที่สุดที่เขียนเพลงมาเลย เพราะว่า มันเป็นเรื่องของการไปมัสยิดทุกวันศุกร์ของผม การละหมาดที่มัสยิดทุกวันศุกร์เป็นสิ่งที่ผู้ชายทุกคนต้องทำ แล้วทุกการไปร่วมละหมาด จะมีการให้โอวาส เรียกว่า Khutbah เป็นการให้โอวาทและเล่าเรื่องเกี่ยวกับศาสนาเพื่อเตือนใจ แล้วผมฟังเรื่องนึง เกี่ยวกับฆาตกรที่ฆ่าคนมา 99 คน แล้วเกิดคำถามว่าสุดท้ายแล้วฉันยังกลับตัวกลับใจทันไหม จะเป็นคนที่ดี และได้รับขึ้นสวรรค์ไหม เป็นเรื่องที่ผมฟังแล้วประทับใจมาก แล้วอยากแชร์ให้ทุกคนฟัง เนื้อหาเพลงนี้เป็นสิ่งที่ผมฟังมาตั้งแต่ต้นจนจบ ส่วนในมุมดนตรี ก็ทำอย่างไรก็ได้ให้หนวกหู (หัวเราะ) อย่างเบส ผมไม่ชอบเสียงที่คลีนมาก ผมอยากมันแตกไปเลย เพลงนี้ก็ซัดมาก่อนเลย แต่ระหว่างทางก็จะค่อยๆ คลาย ก็มีท่อนแก๊งแบบ Post Hard Core ผมชอบอะไรแบบนี้ก็เลยใส่ลงไปเขาเรียกว่า Two Step ซึ่งผมก็พึ่งรู้หลังจากทำอัลบั้มนี้แล้ว (หัวเราะ) ก็เลยใส่ลงไป
It’s Time
เริ่มจากเอฟเฟ็กต์ที่ชื่อว่า Endless Sleeper ของค่าย Beautiful Noise เป็น Delay ผสมกับ Bit Crusher ที่มันอยู่ในก้อนเดียวกัน แล้วมีเสียงแตกแบบ Lo Fi มันเหมือนเสียง 16 Bit ในเสียงกีตาร์ กับ Echo Delay แล้วก็เล่นริฟฟ์ขึ้นมา แล้วก็ผสมความเป็น Metal เข้าไป คือตอนผมทำอัลบั้มนี้พอผมได้ริฟฟ์กีตาร์แล้วหาซาวด์เจอหลังจากบิดเอฟเฟ็กต์ผมจะถ่ายรูปไว้ว่ามันอยู่ตำแหน่งไหน
Adult
เพลงนี้มันเป็นช่วงต้นปี ช่วงเดือนมกราคม ก่อนผมยุบวง The Yers ผมไปญี่ปุ่น แล้วเวลาไปต่างประเทศผมชอบเปิดดูรายการทีวีของประเทศนั้นๆ แน่นอนว่า ญี่ปุ่น เขามีรายการทีวีที่มีรูปแบบเฉพาะตัว ที่มัน มี Text เยอะๆ ระหว่างที่เที่ยวก็เก็บฟุตไปด้วย แล้ววิธีการถ่ายคือ ผมใส่หูฟัง Wireless เปิด iPhone ฟัง แล้วให้แฟนถ่ายให้ก็เก็บฟุตไป โดยยังไม่รู้เลยว่าจะให้ออกมาเป็นยังไง มันเป็นการถ่ายเล่นๆ แต่ก็จะทำ MV นั่นแหล่ะเพียงแต่ไม่รู้ว่าจะพรีเซ็นต์ออกมาในลักษณะไหน จนพอตอนเช้า ผมก็เปิดทีวีดู ผมก็มานั่งนึกว่า เออ มึงก็ไม่เลิกทำรายการรูปแบบนี้กันเนอะ แต่แบบ เออ เห็นแล้วชอบว่ะ (หัวเราะ) เลยได้ไอเดียเลย ก็เอาฟุตนี้ แล้วไปเก็บ Reaction ของคนที่ผมบังเอิญเจอตอนกลับมากรุงเทพฯ แล้ว อย่าง นต getsunova / บอม Retrospect ก็บอกให้ลอง Reaction เขาก็งงๆ กัน เอาง่ายๆ ผมถ่ายวีดีโอรายการญี่ปุ่นแล้วเอามาแกะตามเลย มีเซ็นเซอร์หน้า วาง Text ภาษาญี่ปุ่นก็ไม่มั่วด้วยเช็คได้ (หัวเราะ) เหมือนจะเล่นแต่จริงจัง ทำนานมากตรงนี้ แล้วเพลงก็เดือดมาก
35th Decision
เป็นดนตรีอย่างเดียว กีตาร์สดๆ ในห้องอัด เป็น Long Take ไม่เปิด Metronome ซึ่งผมซ้อมมาประมาณนึงแล้ว ผมแค่อยากมีเพลงบรรเลงที่ฟังหม่นๆ หน่อยในอัลบั้ม ซึ่งผมชอบเพลงแบบนี้มากๆ อยากทำมานานแล้วเหมือนกัน มันค่อนข้างเป็นธรรมชาติของผม
The Hellfire Voices
เพลงนี้พูดถึงคนที่พูดไม่ดีกับเรา พูดเหยียด ในสิ่งที่ผมเชื่อและศรัทธา วิธีที่ผมจะตอบโต้คนเหล่านั้นก็คือการภาวนา ให้เขาได้รับสิ่งที่เขากระทำลงไป เพราะในความเชื่อของเรา ถ้าไม่มีเหตุจำเป็นจริงๆ เราจะไม่ลงไม้ลงมือกับใคร แม้เราจะโดนกระทำก็ตาม เราก็ทำได้แค่ภาวนาขอพรให้คนที่มีอำนาจได้เป็นคนจัดการทุกอย่างเอง ซึ่งเพลงนี้ดนตรี กับเนื้อเพลงมันจะค่อนข้างขัดกัน แต่ด้วยความโกรธ ด้วยสิ่งที่อยู่ในใจผม ดนตรีก็เลยเดือดออกมาแบบนั้น เพลงนี้เป็นเพลงแรกที่ทำเสร็จ แล้วก็ผมอยากใส่ Blast Beat เพิ่มความตื่นเต้น ในฐานะของทั้งคนทำ และคนฟังด้วย ส่วน MV ก็ได้ผู้กำกับที่ทำ MV เสพติดความเจ็บปวด / ล้างแค้น แล้วก็อีกหลายตัวของ The Yers ซึ่งเขาก็เป็นเพื่อนผมตั้งแต่ที่เรียน บดินทรเดชา 2 ต้องขอบคุณเขามากๆ
This Ville
เป็น Doom Metal แบบหนืดๆ สลับกับเสียงกีตาร์คลีน Delay ให้มัน Contrast กัน ตัวเพลงมันจะ Remind ไปถึง 2 อัลบั้มแรก เพราะผมเองก็ชอบอะไรสไตล์นั้นอยู่ ก็เลยเอาพวกก้อน Fuzz เก่าๆ มาใช้ก็เลยได้ซาวด์แบบที่เห็นใน 2 อัลบั้มแรก และอะเรนจเมนต์มันมีความขี้เกียจอยู่ (หัวเราะ) มันเป็นความใส่ใจที่ไม่ใส่ใจน่ะ คือก่อนหน้านี้ ผมเป็นพวก Perfectionist มาก่อน แต่ช่วงหลังๆ ผมมองว่า การทำอะไรที่ไม่สมบูรณ์แบบนี่แหล่ะสมบูรณ์แบบที่สุด
The Questions & Answers
มันเป็นเพลงที่แปลกที่สุดในการทำอัลบั้ม แต่ผมก็ไม่รู้ว่าจะเรียกมันว่าอะไรนะเพราะพอริฟฟ์กับเอฟเฟ็กต์กีตาร์มันนำผมก็แค่ตามมันไป ก็เป็นเพลงที่บางคนอาจจะ Relate กับความเป็น The Yers อยู่บ้าง ซึ่งไม่ได้ตั้งใจแบบนั้นนะครับ มันเกิดจากแค่ผมอยากเอาเอฟเฟ็กต์ที่ไม่ได้ใช้งานมานาน เอาออกมาใช้ คือเวลาผมทำเพลง ผมจะเอาเอฟเฟ็กต์มากอง ไว้เป็น Station เลย ให้อยู่ใกล้โต๊ะคอมฯ ทำเพลงมากที่สุด แล้วให้เสียงกีตาร์มันนำไปเลย มันเป็นเพลงที่ฉีกในฉีกอีกที เรามีเพลงริฟฟ์หนักๆ มาเยอะแล้ว ก็เลยอยากได้เพลงที่มัน Groove เท่ๆ ตัดเลี่ยนบ้างเลยเป็นเพลงนี้
Wish
เป็นเพลงรักของ Torrayot ครับ เพราะผมตั้งชื่อไฟล์ในโปรเจ็กต์นี้ว่า Shoegaze Love Song อยากทำเพลงรักที่เป็น Shoegaze ที่หนักหน่วงหน่อย มันมีคำเรียกเฉพาะทางที่เรียกว่า Doom Gaze มันเป็นการที่เอาเสียงกีตาร์หนักๆ ที่ใช้ Fuzz แบบพวก Stoner เอามาใส่ไว้ใน Dream Pop กับ Shoegaze เป็นซาวด์ที่มีความเป็น Fuzz มากขึ้น Reverb น้อยลง มันเป็นเพลงที่ทำง่ายมาก แล้วก็โซโล่มั่วๆ ตอนหลัง (หัวเราะ) เนื้อเพลงก็ตั้งคำถามว่า ในวันที่มีชีวิตอยู่สิ่งที่เราภาวนา ปรารถนาอยากจะมี เมื่อจากไปโลกหน้าเรายังจะได้สิ่งนั้นไหม เราไม่รู้ว่าจะได้เจอคนที่เรารักในโลกหลังความตายไหม อาจจะเจอก็ได้ และคำภาวนาของเราก็อาจจะเป็นจริง ก็เป็นความรักที่ไม่มุ้งมิ้งเท่าไหร่ เป็นความรักที่ข้ามโลกแห่งความจริงไปสู่โลกแห่งความตาย ส่วน MV นี่คำแรกเลยหนาวมาก (หัวเราะ) ผมไปที่ฮออกไกโด ผมไม่คาดฝันว่าจะสวยขนาดนี้ คือเราแค่ถ่ายช็อตซิ้งค์ ถ่ายวิวเก็บไว้ก่อน แล้วเอามายำรวมกัน แล้วหนาวแบบสุดขั้ว แต่ภาพมันสวยมาก จนผมต้องไปซ้ำอีกรอบ (หัวเราะ) ที่ตลกคือเห็นใน MV ดูเงียบๆ สงบใช่ไหมครับ ข้างหลังผมนี่นักท่องเที่ยวแบบโช้งเช้งเลย (หัวเราะ) สุดๆ แต่สถานที่เขาจัดการดี จริงๆ แรงบันดาลใจมันมาจาก Artwork ของวง Joy Division ผมอยากถ่ายอะไรแบบนี้ ก็เลือกวางแผนมุมภาพต่างๆ ไว้เหมือนกัน
Throttle
เป็นเพลงบรรเลง เพลงนี้เริ่มจากการที่ มีช่วงที่ผมเริ่มสนใจเพลง Metal ที่เร็วขึ้น แล้วก็ได้เสื้อวง Sepultura มา ซึ่งเป็นช่วงที่เขาทำ Beneath The Remain เสื้อสวยมาก ซึ่งปกติผมฟังแต่อัลบั้ม Roots มา พอลองไปฟังดูแล้วแบบ ผมบ้า Sepultura ไปเลย ก็เลยตามเก็บพวก Vinyl วงพวกเขา ซึ่งมันจะแถมเพลงทั้งหมดในอัลบั้มแต่เป็นแบบ Instrumental แล้วพอเราฟังแล้วแบบโคตรมัน เลยอยากได้เพลง Metal แบบไม่มีคนร้องขึ้นมา
พูดถึงคนที่มาช่วย ซัพพอร์ตเล่นเบส กลอง ในโชว์สักหน่อย
อู๋ : มือกลองผมเคยเล่นมาหลายศิลปิน แต่ที่อยู่นานสุดคือพี่หนุ่ม Kala ชื่อกั้ง ก็เล่นให้ทั้ง ดา เอ็นโดรฟิน เล่นให้ปู่จ๋านด้วย คนละแนวกับผมเลย (หัวเราะ) เป็นมือกลองที่ผมถูกใจที่สุดในประเทศนี้ ถ้าไม่มีกั้ง ผมจะไม่ออกไปเล่น (หัวเราะ) มือเบส ชื่อ เซ้น ก็เป็นผู้ช่วยผมในสตูดิโอ ก็เป็นมือขวาผมเลย
หลังจากปล่อยไป 3 อัลบั้มการได้เจอ แฟนพันธุ์แท้ ที่ซัพพอร์ตในทุกอย่างที่ทำจริงๆ ตรงนี้รู้สึกยังไง
อู๋ : รู้สึกคนน้อยมากครับ (หัวเราะ) คือด้วยความที่ผมทำ Torrayot ด้วยไอเดียที่มันบ้าบอมากๆ สำหรับวงการเพลงในประเทศนี้ ซึ่งมันเป็นแนวทางที่ฉีก แล้วก็ฉีกลงไปอีก ซึ่งผมก็รู้ถึงผลลัพธ์ของมันอยู่แล้ว แต่มันก็เหมือนได้คัดคน คัดเพื่อนที่จะเข้ามาในชิวิต ซึ่งผมเชื่อว่าคนที่มาในชีวิตตอนนี้ คือคนที่จะชอบในสิ่งที่เราทำมากๆ ทุกแววตาที่ผมได้รับ มันก็เหมือนตอนแรกที่ผมทำ The Yers นั่นแหละ แต่แค่จำนวนมันน้อยลง ซึ่งผมยังรู้สึกดีใจเหมือนเดิม ที่คนเหล่านั้นจูนกับเราติด อย่างตอนไปปัตตานีผมประทับใจมากๆ ผมไม่เคยไปเล่นที่นี่เลย กลายเป็นว่าคนที่นู่น ฟัง Metal ลึกกว่าเราอีก เขารู้หมดว่าเราทำอะไร เรียกมันว่าอะไร แสดงออกยังไง พอถึงท่อนที่เขาต้องทำกิจกรรมของชาว Metal ไม่ต้อง บิ้วท์เลย เขาจัดการให้ สนุกมาก แล้วผมชอบมาก ที่เขารู้ Culture นี้แล้ว
แผนการ ในนาม Torrayot จะเป็นอย่างไร เพราะถึงตรงนี้ก็น่าจะเป็นงานหลักแล้ว
อู๋ : ผมจะเดินทางไปจนถึงวันที่คนฟังเหลือ 0 คน (หัวเราะ) ผมจะเล่าเรื่องนึงให้ฟัง คือผมเป็นที่ชอบ John Frusciante มาก หลังจากที่เขาทำงาน Lo Fi จนมาเป็น IDM (Indie Dance Music) ที่มันฟังยากมากๆ แล้วเขาสัมภาษณ์ว่า ณ ปัจจุบัน ผมมีคนฟัง 0 คนแล้ว (หัวเราะ) แล้วผมอินประโยคนี้มาก ใครไม่อินกูอิน (หัวเราะ) วันนึงผมอยากเป็นเหมือนเขา เอาจริงๆ ประโยคนี้เป็นแค่พูดตลกๆ ไม่ได้หมายความแบบนั้นจริงๆ หรอก ระดับ John ยังก็มีคนฟัง แต่ผมอิน เพราะผมว่าประโยคนี้มันเพียวมาก เขาเคารพอุดมการณ์ และการทำงาน ของเขาอย่างแรงกล้าว่าใครจะฟังก็ฟัง ใครไม่ฟังก็ไม่เป็นไร ผมรู้สึกซูฮกใน Direction ในการทำงานของเขามาก ซึ่งผมก็อยากจะทำแบบนั้นนั่นแหล่ะ ก็ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไป และเรามีความสุขก็พอ
ฝากผลงาน
อู๋ : กับอัลบั้ม Feed You With Mourn ก็เป็นอัลบั้มที่ผมโฟกัสอย่างเต็มที่ เพราะเป็นงานหลักของผมตอนนี้ซึ่ง ตอนแรก ก็ไม่คิดจะปักฐานกับ Torrayot ขนาดนี้ แต่ตอนนี้เรามาโฟกัสกับ Torrayot มากที่สุด ก็เลยทำให้เพลงใน 2 อัลบั้มแรก ก็มีใน Streaming แล้ว ยังไงก็ฝากทุกคนติดตาม ส่วนใครที่ยังซื้อ CD กับ Vinyl ก็ยังพิเศษกว่าเพราะจะมีของแถมที่ตั้งใจทำมากๆ ด้วย