Klear
ผลงานล่าสุดของ Klear นั่นก็คือเพลง “ซักกะนิด” ที่เปลี่ยนลุคมาเป็นสีสันสดใสใน Play2Project และก่อนหน้านั้น ก็คือ “เหมือนในวันเก่า” ที่ทางวงฝ่าแสงแดดอันร้อนแรงเพื่อให้ได้ภาพสวยๆ มาฝากแฟนๆ นอกจากเพลงใหม่แล้ว Klear มีเพลงดังๆ อีกมากมายอย่างที่เราทราบๆ กัน แต่รู้ไหมว่ามีเรื่องราวอะไรในเพลงเหล่านั้นบ้าง มาลองอ่านไปพร้อมๆ กัน
คำยินดีที่น่า (จะ) ยินดี
แพท : เพลงนี้เรารู้สึกทั้งยินดีและบางครั้งก็ไม่ยินดีนะกับเพลงนี้ (หัวเราะ) ก็ดีใจที่พี่ๆ ศิลปินหลายคนชอบเพลงนี้ แล้วเอาไปแปลงเพลง แต่ในมุมนึงเพลงนี้เรามีความตั้งใจในแบบของเรา เราไม่อยากให้ใช้เพลงนี้ในการด่าทอความรักเก่าๆ ซึ่งมันไม่ทำให้ชีวิตเราดีขึ้น ตอนนี้เวลาไปเล่นที่ไหน แพทจะพูดเสมอว่าการเลิกกับความรักเก่าๆ กับคนที่ไม่ใช่ มันเป็นโชคดีของเราแล้ว คุณควรจะดีใจหากเจอคนที่ใช่ เราไม่อยากให้เพลงนี้เป็นตัวแทนการสาปแช่ง เราควรจะยินดีกับเพลงนี้ให้ได้ คือถ้าเราสาปแช่งก็เหมือนยึดติดกับคนเก่า ไม่มีทางเจอคนดีๆ ได้
เรื่องจริงที่ไม่น่ายินดี
คี : ที่มาของเพลงนี้จริงๆ เป็นเรื่องจริงๆ ของเพื่อนๆ พวกเรานี่แหละ ปกติเขาเป็นคนร่าเริง แต่อยู่มาวันนึงเขาก็กลายเป็นคนนิ่งๆ ไม่พูดไม่จา พอเราก็ไปถามก็ได้รู้เรื่องว่าเขามีคนที่คบอยู่คนนึง ซึ่งจริงๆ ก็เหมือนจะคบกันนั่นแหละ แต่มันก็ห่างหายกันไป 3-4 ปี ทีนี้ก็ลองมา เหมือนว่าจะคบกันใหม่ ก็ไปเที่ยว ดูหนัง เหมือนคนเป็นแฟนกันปกติ แต่มาวันนึง เขาได้รับข้อความจากคนนี้ ซึ่งพอไปเช็กดูปรากฏว่าเป็น การ์ดแต่งงาน ซึ่งก็ไม่ได้แบบคุยกันตรงๆ ด้วยนะ ด้วยความเป็นห่วงเราก็เลยคุยกับเขาว่าแล้วจะเอายังไงต่อ เพื่อนผมก็บอกอยากไปช่วยงานแต่งงาน ไปถ่ายรูป หรือไปช่วยเป็นพิธีกร ผมเลยบอกว่า “อย่าเลย” เกิดในงานมีซีน หอมแก้ม จูบกัน จูบเลยๆ รับไหวเหรอ คือเค้าพยายามหาวิธีที่จะไปช่วย ด้วยความตั้งใจว่าอยากจะไป “ยินดี” ด้วย เขาอยากไปบอกว่าถ้าเจอคนที่ตัดสินใจจะใช้ชีวิตด้วยก็ดีแล้ว เขาก็ยังไม่ได้ดีพอ ซึ่งเขาพูดประโยคนี้จริงๆ ซึ่งผมก็แนะนำว่าอย่าเลยวันแต่งงานหนีไปอยู่ต่างจังหวัดเถอะ อย่าฝืนตัวเอง ไม่ไหวหรอก ซึ่งเขาก็เชื่อ
เจ้าแห่งการ “สอย”
คี : เพลงคำยินดี จริงๆ พี่โน่ (ดนัย ธงสินธุศักดิ์) เขามีเมโลดี้เพลงนี้อยู่แล้ว ซึ่งผมพอเราได้เรื่องราวอย่างที่เล่ามาก็เอาไปให้แพทลองเขียนเนื้อ ลองเอามาให้ที่วง ซึ่งพี่โน่ เขามีเมโลดี้นี้พอดี เป็นเมโลดี้ที่ไม่ได้ถูกใช้งาน เลยลองเอามาเขียนเป็นเพลงกัน ซึ่งก็ลงตัวพอดี
ณัฐ : และจริงๆ แล้วเมโลดี้เพลงนี้จะเป็นเพลงของ The Mousses ด้วยนะ แต่เหมือนว่าเขาจะไม่เอา หรือไม่เข้านี่แหละ เราเลยสอยมาเลย (หัวเราะ)
แพท : เพลงสิ่งของก็ด้วย แพทจะแต่งเพลงนี้ให้วงรุ่นน้องวงนึงที่เป็นวงผู้ชาย ก็เป็นเมโลดี้จากพี่โน่เหมือนเดิม แต่พอเอาไปให้พี่นิค (วิเชียร ฤกษ์ไพศาล) พี่นิคบอกไม่ผ่าน เลยเอามาใช้เอง (หัวเราะ) ซึ่งก็ไม่ได้หมายความว่าพอได้เมโลดี้มาแล้วใช้เลยนะ ก็ 4 คนเราต้องคุยกัน ให้เห็นตรงกันก่อน ที่จะแต่งอะไรออกไป
ท่าเต้นประจำวง
แพท : จุดเริ่มต้นมาจากเราเห็นว่าวงเพื่อนๆ พี่ๆ เขาจะมีเพลงที่แบบให้คนดูมีส่วนร่วม เราก็มาคิดว่าเออ เรามีเพลงอะไรบ้าง ปรากฏว่าเพลงจะรักจะร้าย มันมีท่อนแบบ ฮุ ฮา ฮา ฮ้า ฮา เฮ้ย! มันน่าจะลงสเตปได้นะ (หัวเราะ) เราก็ลองเอามาซ้อมกับวง เอ้า ชูมือขึ้น เอ้า ซ้าย ขวา ซ้าย ขวา ซ้าย (หัวเราะ)
ณัฐ : แล้วพวกผมนี่สกิลการเต้นต่ำมาก แล้วเต้นด้วย เล่นไปด้วย อย่างขัด (หัวเราะ)
แพท : งานแรกที่ใช้ก็ Big Mountain เลย ไม่ได้ซ้อมด้วย (หัวเราะ) ก็ไม่ต้องบอกเลยว่า “เละ” ขนาดไหน คือแค่คนดูเต้นตามได้ แพทก็กรี๊ดแล้ว (หัวเราะ)
คี : ซึ่งก่อนหน้านั้นเนี่ย เวลาเราซ้อม เราจะซ้อมแบบหน้ากระจก มันก็จะเห็นแบบด้านตรงข้ามกัน มันจะเป็นคนละด้าน เราก็จำแบบนั้นมา …เรียบร้อยเลย (หัวเราะ)
ดื้อ แพ่ง!!!
แพท : ตอนเราทำเพลงแรกๆ เราทำแบบว่าตัวตนเต็มที่เลยนะ ซึ่งก็คิดว่ามันก็น่าจะได้แหละ โชคดีที่ผู้ใหญ่ปล่อยให้ทำ เลยได้เรียนรู้ชีวิตจริง (หัวเราะ)
ณัฐ : อย่าเรียกว่าดื้อเลยครับ เรียกว่าไม่ฟังเลยดีกว่า (หัวเราะ)
คี : ตอนนั้นเราสดใหม่มาก เวลาเราทำงานไปเสนอ แล้วมีฟีดแบ็คกลับมา พวกผมจะคิดเสมอว่าพี่ไม่เข้าใจในสิ่งที่ผมทำหรอก มั่นใจขนาดนั้น (หัวเราะ) เราจะรู้สึกแบบนี้ตลอด
ณัฐ : แต่สุดท้ายทุกวันนี้ เราก็ยังเป็นตัวเองอยู่ดี แต่เรารับฟังมากขึ้น ไม่สุดโต่งเหมือนอัลบั้มแรก
แพท : แพทเคยวิเคราะห์นะ เพราะอัลบั้มแรก เราไม่มีคนดูเป็นปัจจัย เราอยู่ในกลุ่มเล็กๆ ของเรา ตอนเราประกวดเป้าหมายของเราคือกรรมการ แต่พอมาทำงาน คนดู แฟนเพลง คือปัจจัยแห่งโลกความจริง เราไม่ได้คิดตรงนี้เลยในอัลบั้มแรก แล้วพอเราไปเรียนรู้ชีวิตจริง ว่าสิ่งที่ทำให้ศิลปินอยู่ได้คือความรักระหว่างเรากับแฟนเพลง เพราะฉะนั้นเราจึงต้องหาสูตรการทำงานว่าจะทำยังไงให้เป็นตัวเอง และแฟนเพลง แฮปปี้ไปด้วยกัน นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเราสามารถเล่นเพลงเดิมได้เป็นร้อยๆ รอบโดยไม่เบื่อ เพราะคนดูที่มาดูเราเขาอาจจะมาดูเราครั้งแรกหรือครั้งสุดท้าย เราจึงต้องเต็มที่ให้พวกเขาแฮปปี้ที่สุด และเราเองก็ต้องโอเคด้วย
Klear ที่ไม่มี แพท!!!!
แพท : เอาจริงๆ นะ ตอนที่แพทไปเรียนต่อ ก็ที่วงเตรียมนักร้องใหม่ไว้แล้วนะ คือ ว่าน วันวาน เอาไปลองทัวร์แล้วด้วย เริ่มทำเพลง แล้ว ซึ่งแพทเองตอนนั้นก็ลงมาช่วยด้วยนะ แต่ไปๆ มาๆ เราก็รู้สึกไม่ค่อยสบายใจ
ณัฐ : ซึ่งตอนนั้นถ้าพูดแบบนี้มันก็จะไม่ตึงหรอกนะ (หัวเราะ)
คี : คือส่วนตัวผมก็ไม่ได้คิดว่ามันจะตึงขนาดนั้นนะ เพราะอย่างตอนนั้น ผมก็ชัดเจนแหละว่าจะทำต่อ มันก็ไม่ได้คิดว่าวงจะแตก อะไรขนาดนั้น
แพท : มันเป็นช่วงที่แพทเองก็ยอมรับว่าสับสนกับเส้นทางดนตรีด้วยว่า เราชอบจริงๆ มั้ย หรือเราจะไปเขียนเพลงอย่างเดียว หรือไปทำงานอื่นเลย เพราะเราก็ไม่รู้ว่าวงเป็นที่รู้จัก หรือไม่เป็นที่รู้จัก แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจกลับมากระโดดกอดดีกว่า (หัวเราะ) พอกลับมาเราก็ตั้งธงเลยว่าดนตรีนี่แหล่ะ คือทางของแพทที่จะไปต่อ
Daddy ต้า Paradox
ณัฐ : ถ้าเราไม่เจอพี่ต้า ไม่มี Klear แน่นอน ตอนนั้นต้องบอกว่าวงเราเองก็ไปอยู่ค่ายแล้วนะ แต่มันไม่เวิร์ค
แพท : ซึ่งพูดตรงๆ เลยว่าถ้าตอนนั้น แม้แต่ genie ถ้าเราเอางานเข้าไปวางเอง ไม่ผ่านพี่ต้า วงเราก็ไม่ผ่านแน่นอน พี่นิค เชื่อสายตาพี่ต้ามาก ซึ่งเราไปทุกค่ายเราไปมาหมดแล้ว และไม่มีใครเชื่อในสิ่งที่เราเป็น ทั้งรูปร่าง หน้าตา สไตล์เพลง แต่พี่ต้าเขาเชื่อในพวกเรา
คี : แต่ถ้าเป็นพี่สองไปวาง วงเราอาจจะเป็นสายฟรุ้งฟริ้งไปแล้วก็ได้นะ (หัวเราะ)
เล็กๆ น้อยๆ กับ Klear
- วงดนตรีวงนี้เป้นสายสุขภาพ แม้บางครั้งจะจิบเก็กฮวยบูดบ้าง แต่ทุกคนก็ออกกำลังกาย โดยเฉพาะ คี ที่เฟิรม์ขึ้นจากชุดแรกๆ มากมาย
- คี บอกว่าเคล็ดลับคือควบคุมอาหาร
- แพทและณัฐ มีกิจกรรมในการออกกำลังกายเหมือนกันคือโยคะ ซึ่งพวกเขาบอกต่อมาเลยว่า “เวิร์ค”
- แพท ชอบกินของหวานมาก แต่ถ้าอยากลดน้ำหนักและหุ่นดี แพทบอกสาวๆ ว่าอย่ากินบ่อย ให้กินน้อยๆ แต่พอดี
- นัฐ (กลอง) เป็นขาประจำโรงพยาบาล เข้าค่อนข้างบ่อย
- ครั้งหนึ่งไปเล่นที่ต่างจังหวัด แพทปวดท้องมาก จนต้องหามส่งโรงพยาบาล แต่รถที่แพทนอนไปโรงพยาบาล คือรถปอเต็กตึ๊ง!!
ฝาก
Klear : ตอนนี้ Klear มีผลงานล่าสุดคือซักกะนิด ใน Play2Project และก่อนหน้านั้นคือเหมือนในวันเก่าที่ลิงก์กับเพลงจดหมายจากวันวาน ของ Paradox สามารถติดตามพวกเขาได้ทุกช่องทาง
“พวกเรายังรู้สึกว่าเราต้องพัฒนาวงกันต่อไป พัฒนาการร้องเเบบใหม่ๆ และเสริมสร้างการเล่นดนตรีแบบใหม่ๆ แล้วอีกอย่างหลังจากที่เราผ่านคอนเสิร์ตต่างๆ มา ทำให้เรามีแฟนเพลงเพิ่มมากขึ้น ก็ยิ่งทำให้เราอยากจะเสริมสร้างอะไรใหม่ๆ ให้กับแฟนเพลงด้วย”