Cool Picking
สำหรับตอนใหม่ของ ของ Advance Theory เราขอยกเพลงๆ นึงมา ลองวิเคราะห์ เอามาให้ลองฝึกเล่นกัน เป็นเพลงเท่ๆ จากมือกีตาร์ ระดับร็อคสตาร์ตัว “พ่อ” ของวงการ นั่นก็คือ Slash นั่นเอง เรารู้จัก Slash จากเพลงหลายๆ เพลงของเขา ด้วยริฟฟ์มันส์ๆ โซโล่ยาวๆ ซาวด์ร็อค สุดลิ่ม ซึ่งเพลงที่จะนำมาให้เล่น ก็เป็นแบบนั้นแหล่ะ เพลงนี้ มีชื่อว่า Anastasia จากงานเดี่ยวของเขาเอง
Riff And Solo
เรารู้จัก Slash จากการเล่นกีตาร์ที่เป็นริฟฟ์ เท่ๆ แบบ Rock & Roll, Heavy ผสม Blues ซะเป็นส่วนใหญ่ แต่สิ่งที่ทำให้เราเลือกเพลงนี้มาเป็นพิเศษ เพราะท่วงทำนอง ริฟฟ์ และโซโล่ เป็นสิ่งที่ Slash ไม่ค่อยได้เล่นสไตล์นี้บ่อยนัก เป็นโทน minor ที่มี Scale ออกทาง Classic ที่น่าสนใจมาก และแฟนเพลง ของ Slash ก็ค่อนข้างประหลาดใจเมื่อได้ฟังเพลงนี้
ที่มา (Pic : ปก Apocalyptic Love )
- เพลงนี้ อยู่ในอัลบั้มที่ชื่อว่า Apocalyptic Love ออกในปี 2012 เป็นอัลบั้มที่ Slash บอกว่า ใช้กีตาร์ที่ไม่ใช่ Gibson เล่นเยอะในอัลบั้ม
- เพลงนี้กลายเป็นเพลงประจำตัวเขาไปอีกหนึ่งเพลงด้วย ลีลา ที่ต่างจากเพลงอื่นๆ ที่เขาเคยทำ เพลงนี้จะติดกลิ่นแบบร็อค ผสม Neo Classic เล็กๆ ซึ่งเป็นแนวทางที่เขาไม่ค่อยได้ทำสักเท่าไรนัก
- Myles Kennedy เป็นคู่หู คนทำเพลงที่สำคัญมากกับเขาในช่วงหลังๆ
- Slash ยกย่อง Myles มากเขาบอกว่า Myles อาจจะเล่นกีตาร์เก่งกว่าเขาด้วยซ้ำ
- Anastasia เพลงนี้ เวลาเอาไปเล่นสด Slash มักจะเล่น God Father Theme ขึ้นมาก่อน
About : Slash
- เรารู้จักเขาจากวง Guns & Roses ด้วยลุคส์ร็อคสตาร์ใส่หมวก ผมหยิกหยอย ปิดหน้า
- Slash เปลี่ยนมาบ้าคลั่งกีตาร์เพราะเพลงของ Aerosmith
- แจมกับศิลปินใหญ่ๆ มานับไม่ถ้วน อย่าง Michael Jackson เป็นต้น
- พึ่งมาเล่นที่บ้านเราไป และทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า Slash เล่นเก่งขึ้นอีกเป็นกอง ด้วยการที่เขาลดสิ่งเสพติดลงนั่นเอง
Play
เราจะยกท่อนกีตาร์ในเพลงนี้มา 3 ท่อนนั่นคืด Intro, Riff, และ Solo อย่างที่ได้เกริ่นไปข้างต้น เพลงนี้เป็นเพลงที่มีท่วงทำนองลีลา แปลกหูกว่าที่ Slash เคยทำมา แต่ว่าถึงจะเป็นแบบนั้น เขายังคงตัวตนไว้ได้ ซึ่งถือว่าเป็นการพัฒนาในการเล่น การแต่งเพลงอย่างชัดเจน เอาล่ะเรามาหยิบกีตาร์ และร็อคแบบ Slash ไปกับเพลงนี้เลย Anastasia
(Ex.1 Anastasia Intro)
ขอข้ามท่อนอะคูสติกมาที่ท่อน Intro ด้วย Lick แบบ Pedal Point ลักษณะการเล่นแบบนี้จะเป็นสิ่งใหม่ที่ Slash ไม่ค่อยได้เล่นมากนัก การเล่น Lick แบบนี้เราจะมารถได้ยินในงานของวงแบบ Iron Maiden Judas Priest หรือมือกีตาร์แบบ Yngwie, Vinnie Moore โดยจะเล่นด้วยโน้ตแบบสลับ และมีโน้ตยืนพื้นไว้ ตามคอร์ดที่เปลี่ยนไป ให้สังเกตคอร์ดในท่อนนี้ ที่ช่วงหลังจะเปลี่ยนในทุก บีท ซึ่งเป็นการแต่งที่เหมือนไลน์เบส บน Organ ของเพลงคลาสสิก ก่อนจะเข้าท่อน ริฟฟ์ ที่ทิ้งท้ายด้วยวลี Blues สไตล์ Slash
เราจะได้อะไร :
- ลักษณะในการเล่น Lick แบบนี้เราต้องใช้นิ้วอย่างนิ้วก้อย นิ้วนาง ค่อนข้างเยอะ ดังนั้นจะสามารถช่วยในการฝึกพลังนิ้วได้
- ลองดูโน้ตที่สัมพันธ์กับคอร์ดที่ใช้ ลองวิเคราะห์ดูว่าโน้ตใน Lick เหล่านี้ สัมพันธ์อย่างไรกับคอร์ด
- ลองประยุกต์ดูเช่นอาจจะเล่น Lick แบบนี้ใน Octave ที่ต่ำกว่า จะได้ซาวด์ อีกแบบ และได้พลังนิ้วมากขึ้น
- Lick Blues ช่วงท้ายลองฟังในเพลงดูว่าเขาเน้นดีดโน้ตที่ตัวไหน
(Ex.2 Anastasia Riff)
Riff ในเพลงนี้โดยส่วนใหญ่จะมาจากรูปแบบของ Pentatonic ง่ายๆ แต่ให้สังเกตอย่างนึงตรงวิธีสร้างให้เป็นประโยคถามตอบ เราจะเห็นว่าส่วนโน้ตใน 3 ห้อง แรกจะคล้ายกัน แต่ห้องที่ 4 จะแตกต่างออกมา นี่คือวิธีสร้างประโยค “ถาม” และจะเล่นเหมือนเดิมอีก 1 ชุด โดยที่ห้องสุดท้าย จะเป็นประโยค “ตอบ” จะเล่นต่างออกไปอีกนิดนึงเพื่อส่งในห้องถัดไป Riff อีกช่วงให้สังเกตที่ช่วงสุดท้าย ที่จะใช้วิธีการเล่น Riff ในสายเสียงสูงทำให้ได้ ซาวด์อีกแบบนึง
เราจะได้อะไร :
- ให้ลองดูส่วนโน้ตที่ใช้ใน Riff จะเห็นว่าส่วนใหญ่จะเป็น Groove แบบ 16th Note แต่ว่าพอลองตัดโน้ตออกตัวนึงให้เป็นตัวหยุด จะเกิดอาการ “สะดุด” “ฝืนธรรมชาติ” นี่เป็นวิธีคิดแบบเบสิกในการที่จะสร้าง Riff แบบ Syncopation
- เรียนรุ้หลักการสร้าง Riff พื้นฐาน โดยทั่วไปจะเป็นแบบในเพลงนี้คือ เป็น 4 บาร์ แล้วในบาร์สุดท้ายจะเล่นอะไรที่ต่างออกไป ซึ่งหลักการนี้สามารถนำไปใช้ในการแต่งเพลงได้
- อีกวิธีการสร้างความแตกต่างก็คือการอุดสาย เวลาที่นักร้องเข้ามา เราจะต้องให้ไดนามิก เสียงของนักร้องดังกว่า ดังนั้นการอุดสายเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดที่ทำให้เสียงกีตาร์เบาลง และเสียงร้องเด่นขื้น
- การย้าย Octave ไปเล่นโน้ตแบบเดิมใน ตำแหน่งสายที่สูงขึ้นเป็นการสร้าง ริฟฟ์เพื่อส่งได้แบบง่ายที่สุดอีกวิธีนึง
(Ex.3 Anastasia Solo)
โซโล่ในเพลงนี้จะมี Lick ดันสายแบบ Blues Rock แบบที่เป็น Style ของเขา อีกเอกลักษณ์นึงของ Slash ก็คือการดีดเน้นโน้ต ให้เป็นเสียงสั้นๆ แล้ว Run Note ให้เร็วขึ้น และเอกลักษณ์แบบ anaconda Style หรือลูกงูเลื้อยแบบ Slash ก็คือ การ ไล่โน้ตในแพทเทิรน์ซ้ำๆ แต่เพิ่มพวกโน้ต Slur เข้าไปใน ไลน์แบบ Legato ซึงจะทำให้ได้เสียงที่ลื่นไหลมากขึ้น แล้วก็ดู “วน” มากขึ้นด้วย และ Slash มัก จะเล่นแบบนี้บ่อยๆ เวลา run ลูกที่เล่นเร็วๆ
เราจะได้อะไร :
- แน่นอนวลีสไตล์ Blues Rock การดันสายแบบมือกีตารืแบบ 70’s ซึ่งเป็นฐานในการ Solo ของเขาอยู่แล้ว
- การดีดเน้นโน้ตด้วยการ Staccato ทำให้เสียงโน้ตสั้นลง เพิ่มความหนักแน่น และการเน้นของโน้ตได้มากทีเดียว
- การเล่นเร็วแบบ Slash ก็คือเล่น Legato Run โดยการผสมการ Slur โน้ตเข้าไป เขามักจะเริ่มประโยคด้วยการ Staccato เพิ่มความเร็วด้วย Legato และเพิ่มการ Slur เข้าไป Lick เวลาที่เขาจะเล่นเร็วๆ
- อย่าลืมการใช้ซาวด์แบบ Humbucker แบบ Gibson และเสียงแตกสไตล์ Marshall ด้วย