พูดถึงค่ายเพลงสุดแนวในประเทศไทย เราก็เชื่อว่าทุกคนก็ยังจะคิดถึงค่ายเพลงที่ชื่อ Smallroom เป็นอันดับแรกอยู่ดี แม้ว่าในยุคนี้ศิลปินสามารถที่จะกลายเป็นดาวเด่นได้ด้วยตัวเองเพียงแค่มีคอมพิวเตอร์ มือถือ ไอเดีย ช่องทางมีมากมาย ใช่! ทุกคนสามารถกลายเป็นศิลปินอินดี้ได้ ถ้าเป็นอย่างนั้นแล้วมันจะมีผลกระทบต่อแนวทางการทำงานของ Smallroom หรือเปล่า ในเมื่อคำว่าอินดี้มันกลายเป็นสิ่งที่ใครก็จับต้องได้ แล้วแนวทางของเพลงศิลปินอินดี้ในยุคนี้ จะไปทางไหน อย่างไร คนนึงที่จะให้คำตอบได้ หรืออาจจะเป็นคนที่หลายคนสนใจในคำตอบก็คือ “พี่รุ่ง รุ่งโรจน์ อุปถัมภ์โพธิวัฒน์” บุคลากรดนตรีที่ทำงานในแบบอินดี้มานานร่วม 20 ปี เราได้มีโอกาสสัมภาษณ์กับพี่รุ่งในเรื่องต่างๆ ทั้งเกี่ยวกับแวดวงดนตรี ไปจนถึงทิศทางของ Smallroom และเชื่อว่าแนวคิดบางอย่างของพี่รุ่ง ทุกท่านสามารถนำไปปรับใช้ได้แน่นอน

เราไม่ได้พูดคุยกับพี่รุ่งมาสัก 3 ปีน่าจะได้ครับ เป็นไงบ้างครับพี่ กับปี 2019 ที่ผ่านมา
พี่รุ่ง : ไม่รู้!! (หัวเราะ) เนี่ยเวลาสัมภาษณ์เราก็บอกทุกคนนะว่าจะได้อะไรไปหรือเปล่าวะ (หัวเราะ) ก็ถ้าเป็นเรื่องชีวิตทัศนคติการใช้ชีวิต ก็เปลี่ยนแปลงไป ไม่ได้อยู่ออฟฟิศตีสี่ตีห้าเหมือนเดิมแล้ว ตอนนี้สามสี่ทุ่มก็กลับบ้าน จะพูดยังไงดี ต้องใช้คำว่าไม่ได้ “จมปลัก” กับอะไรอย่างใดอย่างหนึ่งเหมือนเดิม ก็โล่งขึ้น แต่มันก็ทำให้เราตอบไม่ได้ว่ามันดีขึ้นหรือไม่ดี เวลาใครมาถามว่าปีนี้ปีหน้าจะเป็นยังไง มันก็กลางๆ ในความรู้สึกเรา
เหมือนงานจะเบาลง
พี่รุ่ง : จะว่าอย่างนั้นก็ได้ เพราะถ้าถามว่าเมื่อก่อนหนักกว่านี้ไหม ก็หนักกว่า จริงๆ มันก็ขึ้นอยู่กับหลายอย่าง เช่นเมื่อก่อนเราจะมีเดดไลน์ว่าจะต้องออกอัลบั้ม ซึ่งปีที่ผ่านมาเราก็ไม่ได้กำหนดกันขนาดนั้นแล้ว เอาจริงๆ อย่าง Polycat ปีที่ผ่านมา อัลบั้มที่เป็น Physical ต้องเสร็จ ก็ไม่ทัน ก็ไม่เป็นไร ไม่ซีเรียส อย่าง Tattoo Colour ต้องมีซิงเกิ้ลในอัลบั้มใหม่ก็ไม่เสร็จ ก็ไม่เป็นไร (หัวเราะ) ถ้าเป็น 3-4 ปีที่แล้วนี่ไม่ได้เลยนะ ต้องประชุม มันเกิดอะไรขึ้น เดดไลน์คือเดดไลน์ คือใช้คำว่าผมปลดล็อคมากขึ้น คืออยากให้มีผลงานทันกำหนด แต่ก็ยืดหยุ่นได้ พอเราไม่ได้กำหนดว่าจะต้องมีเดดไลน์อัลบั้มขนาดนั้น งานด้านโปรดักชั่นอย่างเรื่องเสียงมันก็เบาลง ส่วนพวกภาพ อาร์ตเวิร์คก็เท่าเดิม แต่เราก็ทำเรื่องภาพมาจนพอจะที่จะบริหารควบคุมจัดการมันได้ เรียกว่าเข้าที่เข้าทาง หรือชิลไปหรือเปล่าก็ไม่รู้ (หัวเราะ) มันก้ำกึ่งอยู่ (ยิ้ม)
แต่ในค่ายเองก็มีศิลปินน้องใหม่เข้ามา
พี่รุ่ง : ใช่ๆ อย่าง Dept ก็เพิ่งเข้ามา จริงๆ นานมาแล้วที่เราพยายามจะไม่รับศิลปินใหม่ เพราะอยากให้วงที่อยู่ประสบความสำเร็จก่อน ซึ่งมันอาจจะเป็นเรื่องที่ไม่ถูกสำหรับบริษัทเพลง การรับเด็กรุ่นใหม่ก็คือการรีเฟรชอย่างนึง เอาเป็นว่าเราก็ไม่ได้ตึงเหมือนเดิม ปีนี้ยังจะมีวงใหม่เข้ามาอีกนะ เป็นอีกเรื่องที่ปลดล็อคสำหรับผมเหมือนกัน
เป็นเพราะศิลปินรุ่นพี่ๆ อย่าง “รัฐ” หรือ “นะ” สามารถดูภาพรวมได้ ทำให้แบ่งเบางานไปได้
พี่รุ่ง : ไม่เกี่ยวหรอก แค่ลำพังมันดูวงมันเองก็จะตายอยู่แล้ว (หัวเราะ) เราต้องยอมรับอย่างนึงคือเด็กใหม่ๆ เป็นเด็กที่เก่ง อย่าง Dept เป็น Commercial Art ของแท้ คือพวกเขาวางโพสิชั่นตัวเองได้เลย รู้ว่าจะค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไปในระบบนี้ยังไง แม้ไม่มีประสบการณ์ แต่ก็วางตัวเองได้ดี ก็เก่งสำหรับเด็กที่เพิ่งมีผลงานครั้งแรก ซึ่งอันนี้เขาดูเองได้หมดเลย ค่ายแทบไม่ต้องช่วย อีกมุมนึงก็เป็นการเปิดโลกให้กับค่ายอย่าง Smallroom ด้วย

กับการที่ศิลปินในค่ายหลายคน กลายเป็นบุคลากรสำคัญของวงการดนตรี
พี่รุ่ง : ก็ไม่ได้แปลกใจอะไร เพราะเราเห็นตั้งแต่แรกว่าพวกนี้มันเก่ง (หัวเราะ) พอเก่งแล้วมีความมุมานะที่จะทำอยู่ มันก็จะตอบโจทย์นั้น ซึ่งใครก็ตามที่อดทนทำได้ก็น่าจะถึงจุดนั้นอยู่แล้ว ตั้งแต่วันแรกผมก็เห็นทุกคนมีความมุ่งมั่น หมกมุ่นในเรื่องเพลง ซึ่งก็เป็นจุดเริ่มต้นในด้านการเอาดีทางเรื่องดนตรี อย่าง Dept ก็หมกมุ่นเรื่องเพลง ในแบบรุ่นใหม่เลย เวลาเราคุยก็อาจจะคุยกันอีกแบบเช่น เรื่อง Streaming ใหม่ๆ ซึ่งรูปแบบการคุยก็จะต่างจากรุ่นพวก “นะ” หรือ “รัฐ”
พอน้องๆ เริ่มเติบโตทำให้มีปัญหากระทบกันเรื่องความคิดบ้างไหมครับ
พี่รุ่ง : เอาจริง เราก็ปล่อยตลอด คือแต่ไหนแต่ไรเราก็บอกตลอดว่าจังหวะที่ถูกคืออะไร อะไรคือสิ่งที่ถูก ณ ตอนนั้น ทิศทางของเพลงเป็นแบบไหน ภาพเป็นแบบไหน เราตอบไม่ได้หรอก มันรวมเข้าไว้ด้วยกัน แต่สิ่งที่เราตอบได้คือวงถ้ามันจะสำเร็จได้ ก็ต้องมาจากตัววงเองด้วย ไม่ใช่แค่เพลงหรือภาพ ต้องมาจากตัววงด้วย ถ้าวงหนึ่งวงมีตรงนี้ครบมันก็มีโอกาส คราวนี้พอชัดเจนเรื่องที่เราจะคิดต่างกันมันก็มี แต่ก็แค่เล็กน้อย แค่ตัดขอบ แต่ไม่ใช่แกนหลัก เอาง่ายๆ อย่าง Penguin Villa อยู่ๆ ก็มาของมันเฉยๆ เราทำมาตั้งนานไม่เห็นมาเลย (หัวเราะ) แล้วใครมันจะไปรู้ แค่จัดคอนเสิร์ตใหญ่หนึ่งครั้งมันก็มา เราก็ไม่รู้ ตัวเจเองก็ไม่รู้ แต่ถ้าเราย้อนไป เจมีของไหม ก็มี ซึ่งมันควรจะดังตั้งนานแล้ว (หัวเราะ) อะไรแบบนี้ บางทีการบริหารค่ายเพลงมันก็ไม่มีสูตรสำเร็จหรอกว่าทำแบบไหนแล้วจะมา ที่แน่ๆ เราต้องมั่นใจในเบื้องต้นว่าเด็กที่อยู่นี่มีของนะ
Smallroom คือค่ายเพลงที่ปล่อยให้ศิลปินทำงานอิสระ แต่ในวันนี้ที่ใครก็สามารถเป็นศิลปิน ทำงานแบบอิสระได้ ตรงนี้มีปัญหาหรือมีผลกระทบอะไรกับวิธีคิด วิธีบริหารบ้างหรือเปล่าครับ
พี่รุ่ง : สุดท้ายมันก็ต้องเริ่มที่ตัวของศิลปินนั้นๆ ก่อน ผมยกตัวอย่างวง Postbox วงนี้มีผลงานชุดแรกที่ทำกันเอง แล้วก็มาอยู่ Smallroom ตอนนี้ก็ปล่อยมา 3 เพลง อย่างนี้ผมถือว่าตั้งลำ ยังหาทิศทางกันอยู่ เราเองก็อาจจะไม่ถูก วงก็อาจจะไม่ถูก ถ้าเขามาตรงนี้ก็หมายความว่าเขาไม่ได้อยากเป็นแบบชุดแรก อาจจะอยากไปหากลุ่มคนที่กว้างขึ้น ดังนั้นการไปสู่กลุ่มที่กว้างขึ้น เขาควรจะเป็นแบบไหน ผมว่าอันนี้ทั้งเขาเองแล้วก็เรา ไม่มีถูกไม่มีผิด คุยกันทุกเรื่องมันก็เป็นไปได้หมด ซึ่งถ้าเรามองที่ฝีมือวง Postbox เป็นวงที่เก่งสัส (หัวเราะ) มันเป็นพวกแจ๊ซเลย แต่ว่าพวกเขาก็ไม่ได้ทำเพลงไทยแบบแจ๊ซ เขาก็ไม่ได้คิดว่าเป็นนักดนตรีแจ๊ซ ต้องทำเพลงแจ๊ซ มันก็มีส่วนผสมที่กำลังหากันอยู่ อันนี้คือการตั้งลำ เป็นการทำงานร่วมกัน แล้วเราก็ไม่มีทางไปถือธงให้เขาได้ และพวกเขาก็ยังหาแนวทางอยู่
ถ้าเรามองที่วงการดนตรีปัจจุบัน แนวหลักๆ ที่เราเห็นคือฮิปฮอป ซึ่งก็เป็นแนวดนตรีที่เคยเป็นแนวดนตรีทางเลือกเหมือนกัน ตรงนี้พี่รุ่งมีมุมมองอย่างไร และมีผลกระทบอะไรบ้าง
พี่รุ่ง : สมัยก่อนผมเคยพูดเสมอนะว่าผมชอบฮิปฮอปที่มีทำนอง สมัยนี้มันเป็นแบบนี้หมดเลย ซึ่งผมก็เลยไม่รู้เหมือนกันว่ามันดีไม่ดี (หัวเราะ) อย่างต่างประเทศเองก็เป็นแบบนี้ ซึ่งผมก็ยังยืนยันว่าผมก็ชอบแบบเดิม ก็เลยอาจจะหาอะไรที่แตกต่างในประเทศฟังยากหน่อย แต่ส่วนนึงผมเองก็ไม่ค่อยรู้จักในแวดวงนี้เท่าไหร่ด้วย
พี่รุ่งมักฟังเพลงจากประเทศแปลกๆ อยู่เสมอ ตอนนี้มีอะไรพอจะแนะนำพวกเราได้บ้าง
พี่รุ่ง : เอาเป็นชื่อวงได้ไหมล่ะ ก็มี Machine Gum อันนี้เป็นไซด์โปรเจ็กต์ของมือกลอง The Strokes เป็นเพลงแบบมีซินธ์ฯ กับร้องเพราะๆ อย่าง Superdrone ก็เป็นวงที่ผมใช้คำว่ามีความเป็น Shoegaze แต่ใน Apple Music เขียนอธิบายว่ามันเป็นวงอีโม (หัวเราะ) ก็ไม่รู้ว่าวงมันส่งข้อมูลผิดหรือ Apple Music มันผิด (หัวเราะ) ผมว่ามันเป็น Baggy Shoegaze เอางี้ดีกว่าวงที่เราชอบส่วนใหญ่ผมชอบวงที่เป็น Bedroom เป็น Lo Fi สักหน่อย แต่คุณภาพเสียงต้องดีนะ แบบที่เซอร์ไปก็ไม่ไหว เราชอบบ่นกับคนในค่ายว่าอยากได้วงแบบนี้ แต่ไม่รู้จะไปหาที่ไหนยาก ผมอัพเดตเพลงทุกอาทิตย์แหละ เพราะเดี๋ยวนี้มันเป็น Streaming มันก็อัพเดตเพลงตลอด เวลาชอบอะไรก็จะ Add เก็บไว้ฟัง ซึ่งถ้าจะให้ Smallroom เป็นค่ายที่มีแต่เพลงแบบนี้เลยมันก็คงจะเครียดเกินไป แล้วเด็กๆ ก็อาจจะไม่ชอบแบบที่เราชอบก็ได้ ก็เลยได้แต่ตะโกนดังๆ พอให้คนอื่นได้ยินว่าอยากได้แบบนี้ (หัวเราะ)
แล้วเรื่องการมิกซ์เสียงยังติดตามอยู่บ้างไหม
พี่รุ่ง : มีๆ ตอนนี้ผมบ้าเรื่อง Figure8 Mic อยู่ เป็นเรื่องการมิกซ์ของเรื่องมิติที่กว้างแต่ไม่ฟุ้ง แห้งแต่กว้าง ก็คือต้องมีเสียงแบบมี Reverb แต่ไม่ได้ใส่ Reverb (หัวเราะ) ก็ต้องทดลองกับห้องต่างๆ แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องอะไรที่ใหญ่โตมากนะ เป็นแค่ผมชอบเฉยๆ (หัวเราะ) ซึ่งก็เป็นงานทดลองของเรานี่แหละ ซึ่งก็เคยมีบางงานที่อัดแบบนี้ปล่อยไปบ้างนะ แต่เราไม่ได้บอกใครเท่านั้นเอง จริงๆ สมัยนี้เด็กเจ๋งนะ ถ้าเราเทียบงานต่างประเทศผมว่าเด็กสมัยนี้ปิดงานได้ใกล้เคียงต่างประเทศเลย อันนี้น่าดีใจมาก
แล้วพี่รุ่งอยากมิกซ์เพลงแบบไหนครับ
พี่รุ่ง : อย่าใช้คำนี้เลย เอาเป็นว่าผมอยากได้วงแบบไหนดีกว่า อยากทำงานกับวงแบบไหนดีกว่า (หัวเราะ) เอาจริงๆ เราก็อยากทำเพลงทุกแบบแหละ เฮฟวี่เท่ๆ แบบที่เราชอบมันก็มีนะ แต่ผมจะไม่ลงไปพูดแบบเฮ้ย! กูอยากได้วงแบบนี้ว่ะ อย่างผมชอบวง Rush บอกว่าอยากได้แบบวง Rush ว่ะ เด็กมันอาจจะถามผมกลับว่าวงอะไรวะพี่ (หัวเราะ) หรือผมอยากได้วงแบบ Rush จริงๆ แต่มันจะมีเหรอวะที่แบบวงนึงจะเก่งหมด 3 คนแบบนี้ (หัวเราะ) เอาเป็นว่าผมก็อยากทำงานกับวงทุกสไตล์แหละ เพียงแต่ตอนนี้อาจจะยังไม่เจอเท่านั้นเอง
การทำเพลงในสมัยนี้จำเป็นต้องมีกรอบหรือเปล่าครับ
พี่รุ่ง : โลกปัจจุบันมันเขย่าเด็กบนโลกนี้จนกระจายไปหมดแล้ว ผมเคยพูดเรื่องนี้นะ พอเราไม่มีโทรทัศน์ช่องเพลง ก็ไม่มีคนเลือกเพลงให้เด็กๆ ฟัง พวกเขาก็จะกลายเป็นผู้เลือกเอง ดังนั้นพอเขาเป็นคนเลือกเองดังนั้นก็จะไปไหนก็ได้ อาจจะกลายเป็นเรื่องที่ดีมากๆ ต่อเด็กๆ ที่เราจะสร้างเพลง ซึ่งมันจะไม่เหมือนยุคที่พวกเราเติบโตมาว่า เฮ้ย! มึงต้องชัดเจน สมัยนี้ยุคนี้ผมว่าเราต้องผลิตงานออกมาก่อน ผลิตงานออกมาแล้วเป็นที่ยอมรับได้ รายได้เรายังไม่รู้ แต่ขอให้เริ่มทำก่อน คือต่อจากนี้มันจะเป็นแบบนี้ พวกศาสตร์และศิลปะในเรื่องภาพและเสียง ถ้ามันขยายไปที่ส่วนอื่นได้มันจะมีรายได้เอง สมมติมีเด็กในวงจากประเทศนอร์เวย์ทำเพลงออกมา มันอาจจะไม่ได้แค่จบในประเทศ หรือจบแค่ทำเพลง มันอาจจะไปทำอย่างอื่นแล้วเป็นรายได้ก็ได้ คือถ้าพูดเรื่องธุรกิจดนตรี มันจะกลายเป็นธุรกิจต่อยอด เราวัดง่ายๆ เลย อย่างงาน Cat Expo เขาพยายามจะหนุนให้ศิลปินขาย CD แต่กลายเป็นว่าทุกวงทำ Merchandise และคนที่ไปงานก็ซื้อ Merchandise มากกว่า CD นั่นหมายความว่าวงหนึ่งวง มีเด็กที่มีกำลังซื้ออยู่พันคน แต่เด็กไปซื้อ Merchandise มากกว่าเพลง ดังนั้นเพลงมันคือจุดตั้งต้นที่ทำให้ซื้อ Merchandise แต่ตัวเพลงไม่ใช่ตัวหลัก

ซึ่งมันขัดกับคนยุคเพลงมาก่อนมากเลยนะครับ
พี่รุ่ง : ก็นี่ไง! อย่าไปคิดอย่างนั้นสิ (หัวเราะ) เอาจริงผมยังรู้สึกเลยว่าเออ เราแก่ไปแล้วเนี่ย เอาจริงๆ เราเห็นอะไรมา 20 ปี มันก็ต้องเป็นแบบนี้แหละ เพราะถ้าไม่เป็นแบบนี้ก็จะยิ่งแย่กว่านี้อีก
วันนี้ที่กำแพงค่ายเพลงหายไปรู้สึกยังไงบ้าง
พี่รุ่ง : เราไม่เคยรู้สึกแบบนั้น ผมบอกไว้ตลอดว่า Smallroom ไม่มีกำแพง จะร่วมงานกับใครก็ได้ ตั้งแต่ยังมี RS ด้วยซ้ำ ปัญหาคือเรานิยามคำว่ากำแพงไว้ยังไง มันไม่มีกำแพงนะ แต่ถ้าการปรับตัวเนี่ยมันต้องมี เหมือนที่ค่ายเราต้องรับวง Dept นี่ก็เป็นการปรับตัว สุดท้ายทุกคนต้องปรับตัว ปรับทัศนคติอยู่แล้วทุกหน่วยงานไม่ว่ายังไงก็ต้องคิดเรื่องนี้ ก็อย่างที่คุยกันช่วงแรกเลยว่าผมก็นิ่งขึ้นเยอะ เมื่อก่อนมันพุ่งพล่านกว่านี้ แต่ถึงจะบอกว่านิ่ง ยังไงก็ตามผมก็ไม่อยากแก่ ก็เลยทำยังไงก็ได้ให้ออกมาเป็นรูปธรรมว่าเรายังทันในช่วงเวลานี้
Smallroom วันแรก กับวันนี้
พี่รุ่ง : ก็จากห้อง 60 ตารางเมตร กวาดถูบ้านเองนะ (หัวเราะ) วันนี้ก็ไม่ต้องถูเองแล้ว วันนี้เห็นกาแฟหกที่พื้นเราก็สามารถบอกแม่บ้านได้ (หัวเราะ) ผมไม่รู้ว่าจะรู้สึกยังไงดี แต่รู้สึกแค่ว่าโชคดีที่เราได้ทำในสิ่งที่เราชอบ มันก็เลยไม่รู้สึกว่าเป็นงาน มันก็เลยไม่ได้ไม่มีความสุขเลย มันมาทำงานพร้อมความสุข แล้วมันเป็นเรื่องที่ดีนะ เวลาเราไปคุยกับเพื่อนเก่าๆ สมัยมหาวิทยาลัยบอกว่าไม่ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบมันก็น่าเห็นใจ
Smallroom ในปีนี้
พี่รุ่ง : ก็น่าจะมีอัลบั้มใหม่ก็เห็น Tattoo Colour จะส่งเพลงใหม่มา 7 เพลง แล้ว Polycat ที่เลื่อนไปก็น่าจะเสร็จ พอมันเป็นระบบ Single รู้สึกมันไม่หนักเท่าอัลบั้มก็ไม่รู้เพราะอะไร จริงๆ สมัยก่อนเรายี้ระบบ Single มากเลยนะ ไม่ดีไม่เท่หรืออะไรก็แล้วแต่ พอเราทำจริงๆ มันก็อยู่ที่ความสม่ำเสมอมากกว่า พอมาตอนนี้เราคิดอีกแบบนึงแล้ว ก็คงจะมีหลักๆ คือ Tattoo Colour กับ Polycat นั่นแหละ หรืออาจจะมี The Richman Toy ด้วย เพราะเห็นก็ซุ่มๆ กันอยู่ แล้วก็ส่วนใหญ่ก็แอบซุ่มๆ หรืออาจจะมีจีน กษิดิศ ด้วยกำลังวางโพสิชั่นอยู่ ส่วน Smallroom Holiday Party อาจจะจัดช่วงเมษายน อาจจะเป็น 2 วัน เพราะรู้สึกวงมันแน่นเกินไปแล้ว แล้วก็อาจจะมีอีกสัก 2-3 งานที่เกี่ยวกับ Smallroom นี่แหละ งานก็คงเยอะเหมือนที่ผ่านมา สุดท้ายก็จะพยายามอัพเดท รีเฟรชตัวเองให้ไม่เชย ไม่แก่ (หัวเราะ)
ขอขอบคุณ : แน็ค Smallroom ที่อำนวยความสะดวกในการสัมภาษณ์ครับ




































